มีข่าวเมื่อสองสามวันก่อนที่จังหวัดจันทบุรี ทางราชการปิดไฟนานถึงแปดชั่วโมง มีผลทำให้ไก่ที่เจ้าของเลี้ยงไว้ทนความร้อนไม่ไหวตายไปหลายร้อยตัว น่าสงสารไก่เหล่านั้นที่เกิดมาแล้วต้องตายก่อนเวลาอันควร แม้ว่าวัตถุประสงค์ของการเลี้ยงไก่คือการขายเนื้อไก่เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ก็ตามทีเถิด ชีวิตหนึ่งดับดิ้นสิ้นชีพเพื่อให้อีกชีวิตมีลมหายใจอยู่ต่อไปในโลกอันสับสนวุ่นวายนี้ต่อไปได้
มีอีกข่าวหนึ่งที่จังหวัดขอนแก่นหลวงปู่อายุร้อยกว่าปีละสังขารไปนานหลายปีแล้วแต่ร่างกายกลับไม่เน่าเปื่อย เป็นเหมือนท่อนไม้แห้ง มีคำอธิบายอย่างหนึ่งจากแพทย์เบื้องต้นบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สังขารไม่เน่าเปื่อยเพราะหลวงปู่ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ฉันแต่ผักผลไม้ เป็นมังสวิรัติ จึงมีส่วนทำให้ร่างกายไม่มีสารสะสมในร่างกาย ทำให้แม้จะมรณะไปนานแล้วสังขารก็เลยไม่เน่า
แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์เชื่อในอภินิหาร เชื่อในพลังแห่งการปฏิบัติของหลวงปู่ ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเดินทางไปกราบไหว้ และจะได้เห็นกับตา จริงเท็จอย่างไรต้องรอผลการพิสูจน์ ตราบใดที่ความเชื่อนั้นไม่เป็นภัยกับผู้เชื่อหรือผู้อื่น ความเชื่อนั้นก็ไม่เป็นอันตราย เพราะศรัทธาความเชื่อของคนหากเป็นไปเพื่อทำให้เกิดความรู้ ทำให้เกิดปัญญาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่ประการใด
กลับมาที่เรื่องไก่ ปัจจุบันเป็นอาชีพที่ทำกำไรแก่ผู้เลี้ยงอย่างเป็นล่ำเป็นสัน สินค้าเกี่ยวกับไก่แทบทุกประเภทมีขายตามร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่ไข่ต้ม ไข่ลวก ไก่อบ ไก่ย่างหรือไก่อะไรต่อมิอะไรอีกมากมายจนจาระไนไม่หวาดไม่ไหว ยังมีร้านที่ขายสินค้าเกี่ยวกับไก่ตามภัตตาคาร ตามริมถนนอีกมากมาย ในแต่ละวันไม่รู้ว่าจะมีไก่เสียชีวิตไปมากน้อยเท่าใด
ครั้งหนึ่งที่เมืองอัมฤตสาร์ กำลังเดินเล่นตามท้องถนนเพื่อเที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจในเมือง สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านค้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆสี่แยก ชื่อร้านเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “Republic of Chicken” หากจะแปลเป็นภาษาไทยน่าจะได้ความหมายใกล้เคียงว่า “สาธารณรัฐไก่ หรือมหาชนรัฐแห่งไก่ หรือหากจะแปลตามสำนวนโดยไม่อิงอาศัยภาษามากนักก็น่าจะแปลได้ว่า “สาธารณรัฐประชาชนไก่” ใครจะแปลอย่างไรก็ตามใจปรารถนาเถิด
จึงชวนเพื่อนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันแวะเข้าไปชมหน่อยว่า ใน “Republic of Chicken” นั้นมีอะไร ทุกคนก็ไม่ได้มีใครโต้แย้งเพราะเกิดความสงสัยใคร่รู้ในทำนองเดียวกัน ช่วงนั้นยังเป็นเวลาเช้า ยังไม่ถึงเที่ยงวัน บางทีวันนี้อาหารเพลอาจจะเป็นเมนูไก่
เมื่อเดินเข้าไปพนักงานต้อนรับออกมาสาธยายเกี่ยวกับสิ่งที่มีขายในร้านแห่งนั้น เป็นสินค้าเกี่ยวกับไก่ทั้งสิ้นทั้งไก่อบ ไก่ย่าง ไก่ต้ม ไก่ปิ้ง ลูกชิ้นไก่ แหนมไก่ ไส้กรอกไก่ ไก่แช่เย็น เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทมาจากไก่ทั้งสิ้น
พนักงานแนะนำสินค้าแล้วก็เสนอการขายว่าจะซื้ออะไรดี แต่เมื่อเห็นผลิตภัณฑ์ทั้งหลายแล้วก็ต้องบอกว่าเกิดความสงสารไก่ขึ้นมาในบัดดล ไม่กล้าแม้แต่จะสั่งอาหารประเภทไก่เลย ทุกท่านได้แต่มองหน้ากัน ส่วนผู้เขียนเลี่ยงออกมาด้านนอกมีร้านขายจาปะตีอยู่ใกล้ ๆ จึงสั่งจาปะตีมาหลายแผ่นพร้อมด้วยเครื่องปรุง กำลังหิวได้ที่จึงฉันจาปะตีที่กำลังร้อนหมดไปหลายแผ่นอิ่มท้องดีนักแล
แม้ว่าจะไม่ใช่นักมังสวิรัติ มีอะไรที่พอหาได้ก็ฉันอย่างนั้นตามที่พอหาได้ พอให้มีลมหายใจไปวันๆ แต่ทว่าวันนั้นเมื่อได้เห็นผลิตภัณฑ์จากร้าน “Republic of Chicken” แล้ว ใจมันห่อเหี่ยวยังไงไม่รู้
คนอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูมักจะเป็นประเภทมังสวิรัติ งดเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ แม้แต่พระภิกษุในนิกายมหายานก็มักจะเป็นพวกมังสวิรัติ ยกเว้นแต่นิกายวัชรยานในแถบเทือกเขาหิมาลัยที่ยังเป็นประเภทฉันได้ทุกอย่างเท่าที่จะหาได้ เหมือนพระสงฆ์ไทยก็ฉันปลาและเนื้อได้ มีเนื้อสัตว์ที่ยกเว้นอยู่สิบชนิดดังที่แสดงไว้ในวินัยมหาวรรค (5/59/58) ความว่า “ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย อนึ่งภิกษุยังมิได้พิจารณาไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฎ” เนื้อสัตว์ที่ทรงห้ามหากภิกษุใดฉันก็ต้องอาบัติทุกกฏคือ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี เนื้อเสือดาว
ในวินัยปิฎกพระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตให้ฉันเนื้อและปลาได้ ดังที่แสดงไว้ในมหาวิภังค์ ปฐมภาคสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ 10 (1/591/711) ความว่า “เราอนุญาตปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ด้วยอาการสามอย่าง คือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ”
ในร้าน “Republic of Chicken” วันนั้นแม้จะไม่เห็นเขาฆ่า ไม่ได้ยินเสียงไก่ร้อง และไม่ได้รังเกียจ แต่เมื่อได้เห็นสภาพจริงๆแม้ว่าร้านจะสะอาด แต่ก็ได้แต่ดูให้รู้เท่านั้นว่าในร้านนั้นคืออะไรกันแน่ ที่ได้ฉันจริงๆคือจาปะตีที่ร้านข้างๆกันนั่นเอง แถมท้ายด้วยของหวานคือกล้วย ผลไม้และมะละกอซึ่งวางขายทั่วไปตามริมถนน อ๋อ..เกือบลืมไปมีไอครีมรสไก่แถมท้ายด้วย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
11/11/57