ในอารมป่าแห่งนั้นมีกุฏิแทรกตัวอยู่ใต้หมู่ไม้ที่เรียงรายล้อมรอบไว้ หากเพียงแต่เดินผ่านไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่ามีกุฏิที่พักสงฆ์ซึ่งเหมือนกับหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าใหญ่ ฝูงกระรอกกระแตต่างก็วิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างเพลิดเพลินตามต้นไม้ใหญ่น้อย บางตัวยังออกมาเดินเล่นที่พื้นดิน หาอาหารที่เหลือจากบิณฑบาตที่วางไว้ตามริมทางเดิน พวกเขาวิ่งเล่นอย่างสบายใจ ไม่ได้สนใจว่าใครจะมาจะไป บางตัวยังโผล่หน้าออกมาจ้องมองอาคันตุกะที่กำลังเดินผ่าน คงสงสัยใคร่รู้ว่า คนแปลกหน้านี้มาทำอะไรกัน
อารมแห่งนั้นเป็นวัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย มีพระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษาไม่มากนัก พระภิกษุแต่ละรูปต่างก็ดำเนินชีวิตตามแนวแห่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน มีสิ่งปลูกสร้างน้อยที่สุด บริเวณวัดจึงเต็มไปด้วยป่าไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายกันตามธรรมชาติ ที่นี่ปล่อยให้ต้นไม้เจริญเติบโตไปตามธรรมดา มีเพียงทางเดินเล็กๆที่ตัดผ่านหมู่ไม้ไปยังกุฏิที่พัก สภาพป่ายังสมบูรณ์สะเหมือนหนึ่งเป็นป่าทึบกลางท้องทุ่ง
ในวันที่เดินทางไปนั้นมีภิกษุอยู่ด้วยกันเพียงสามสี่รูป เมื่อฉันภัตตาหารเสร็จ ต่างก็แยกย้ายกันกลับกุฏิที่พักของตน ทำกิจที่ควรทำตามแต่ความถนัดของแต่ละรูป บางรูปเดินจงกรม บางรูปนั่งพักใต้ต้นไม้ บางรูปอ่านหนังสือ อารามจึงเงียบสงบ ป่าเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้พลิ้วไหวเหมือนกำลังบรรเลงบทเพลงแห่งความสงัด
วันนั้นมีกล้องติดมือไปด้วย แม้จะไม่รู้ว่าจะถ่ายภาพอะไร ก็ยังถือกล้องถ่ายภาพต้นไม้ ใบไม้ เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนจิต ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้ประกอบในสิ่งที่รัก โดยที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็เป็นความสุขประการหนึ่ง มองเห็นใบไม้แห้งที่ถูกแสงแห่งดวงอาทิตย์สาดส่องลงมาพอดี แม้ใบไม้จะไม่ค่อยสมบูรณ์แต่ทว่าองค์ประกอบของการถ่ายภาพใช้ได้ แสงกำลังสะท้อนลงมาที่ใบไม้แห้งซึ่งหล่นลงมาจากต้นบังเอิญมาติดค้างอยู่ที่กิ่งไม้แห่งอีกกิ่งหนึ่ง มองดูเผินๆก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่สำหรับผู้ที่มีกล้องในมือก็อยากถ่ายภาพของธรรมชาติที่ไม่ค่อยได้พบในเมืองใหญ่ไว้ดูเล่นๆ แม้จะถ่าตอนกลางวัน แต่ลดค่าวัดแสงให้ต่ำลงซักสองสามสต็อปภาพที่ออกมาจึงเป็นเหมือนถ่ายตอนกลางคืน
บนต้นไม้ย่อมมีทั้งใบแก่ใบอ่อน ใบใดที่แก่เต็มที่ก็จะหลุดจากขั้วหล่นลงยังพื้นดิน ส่วนใบที่กำลังอ่อนก็จะค่อยๆผลิบานแตกใบจนกลายเป็นใบไม้ที่เขียวสด ทำหน้าที่รับแสงแดดทำให้ต้นไม้ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในความเงียบนั้นมีนกน้อยตัวหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่บนกิ่งไม้ข้างๆ เหมือนกำลังสงสัยใคร่รู้
ใบไม้กับชีวิตมนุษย์หากคิดให้ดีก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าใด ในวัยเด็กเหมือนใบไม้อ่อนที่จะต้องรอเวลาเจริญเติบโต ต้องได้รับการดูแลรักษาให้ดี ใบไม้เขียวก็เหมือนคนในวัยหนุ่มสาวที่มองเห็นอนาคตอันสดใสดุจดังใบไม้ที่กำลังสมบูรณ์ดีมีสีสด เมื่อแก่ตัวเต็มที่กลายเป็นใบไม้เหลืองก็พร้อมที่จะหล่นร่วงหลุดจากขั้ว ปลิวหายไปจากต้น กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าดุจดั่งมนุษย์ในวัยชราที่พร้อมจะวางร่างทิ้งธาตุขันธ์ไปได้ทุกเมื่อ
กล้องในมือเริ่มสั่นจึงนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ธรรมชาติเหมือนกำลังจะบอกว่าตัวท่านเองก็กำลังเดินเข้าใกล้วัยชราแล้ว ไม่ต่างอะไรกับใบไม้แห้งเมื่อถูกลมพัดก็พลิ้วไหว จะทนแรงลมได้อีกนานเท่าใด ไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไปเมื่อยังมีแรง มีเวลาก็ควรรีบหาความสงบ ใช้ลมหายใจพัดพาเอาบาปธรรมทั้งหลายให้หลุดไปจากขั้วหัวใจ ดังภาษิตของมหาโกฏฐิตเถร ในมหาโกฏฐิตเถรคาถา (บาลี:26/139/260) ที่ได้ภาษิตคาถาเตือนตนให้ตั้งตนอยู่ในความสงบไว้ว่า “บุคคลผู้สงบ งดเว้นจากการทำความชั่ว พูดด้วยปัญญา ไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมกำจัดบาปธรรมทั้งหลาย เหมือนลมพัดใบไม้ให้ล่วงหล่นไป ฉะนั้น”
แปลมาจากภาษาบาลีว่า “อุปสนฺโต อุปรโต มนฺตภาณี อนุทฺธโต
ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม ทุมปตฺตํว มาลุโตติ ฯ
ผู้ที่มีความสงบกาย วาจา ใจ โดยเว้นขาดจากการกระทำทุจริต สำรวมระวังอินทรีย์ งดเว้นจากการทำชั่วทั้งปวง เจรจาถ้อยคำที่เป็นสุภาษิต มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมสามารถขจัดกิเลสทั้งหลายให้หลุดร่วงไปจากจิตใจได้ประดุจดั่งลมพัดใบไม้แห้งให้หล่นไปจากขั้ว
มีคำอธิบายในอรรถกถาความว่า “ผู้ที่ตั้งอยู่ในศีลอันบริสุทธิ์โดยละทุจริตสามอย่างได้ เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นเพราะละอุทธัจจะได้กระทำสมาธินั้นแหละให้เป็นปทัฎฐานเจริญวิปัสสนาแล้ว ย่อมชื่อว่ากำจัดบาปธรรมทั้งหลายได้คือขจัดสังกิเลสธรรมที่ชื่อว่าลามก เพราะเป็นที่ตั้งแห่งความลามกได้แม้ทุกอย่างตามลำดับแห่งมรรคได้แก่ละได้ด้วยสามารถแห่งสมุจเฉทปหาน เหมือนลมพัดใบไม้ให้ร่วงไปฉะนั้น มี อุปมาเหมือนลม(มาลุตะ)ย่อมกำจัดใบเหลืองของต้นไม้ ให้สลัดหลุดจากขั้วฉันใด ผู้ที่ตั้งอยู่ในข้อปฏิบัติตามที่กล่าวแล้วก็ฉันนั้นย่อมนำบาปธรรมทั้งปวงออกจากสันดานของตนได้
พระมหาโกฏฐิตะเถระได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิษุทั้งหลายผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ดังที่แสดงไว้ในอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต (20/148/32) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระมหาโกฏฐิตะเลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเรา ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา”
เผลอหลับใต้ต้นไม้ใหญ่นานเท่าใดไม่รู้ พอรู้ตัวอีกทีได้ยินเสียงไม้กวาดแว่วมาจากกุฏิที่พักหลังใดหลังหนึ่ง คงได้เวลาที่พระภิกษุสงฆ์ทำกิจวัตรกวาดวิหารลานเจดีย์แล้ว ส่วนตัวเราเองมัวแต่หลงใหลในความงามที่ธรรมชาติวาดภาพไว้โดยที่ไม่ต้องใช้สีอะไรไปแต่งแต้ม เพียงแต่ใช้แสงแห่งตะวันเป็นสี ก็ได้ภาพที่มีความงามตามธรรมชาติแล้ว
เมื่อแสงอาทิตย์ไม่สะท้อนลงมากระทบใบไม้ก็ไร้รัศมี เป็นเพียงใบไม้เก่าๆที่ไม่มีความงดงามอันใด โลกมนุษย์ทุกวันนี้ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งปรุงแต่งทั้งหลายที่ล่อหลอกจนทำให้คนหลง หากโลกไม่มีเครื่องปรุงคงแห้งแล้ง หากจิตใจไร้เครื่องปรุงแต่ง สงบ สงัด ไม่ปล่อยใจไปตามอารมณ์ ปล่อยให้สภาวะทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ปล่อยวางเสียได้ ชีวิตคงสบายไร้กังวล อาทิตย์คล้อยลอยต่ำไปทางปัจฉิมทิศ คงใกล้สายัณหสมัย อีกไม่นานราตรีคงมาเยือน ป่าเริ่มมืดเพราะขาดแสงสว่าง แต่ทว่าจิตใจกับเบิกบานยิ่ง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
10/11/57