ไปเข้าร่วมงานงานประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตั้งแต่เช้าและอยู่จนกระทั่งงานเลิก เรียกว่าตั้งแต่เริ่มเปิดงานจนกระทั่งปิดงาน ทั้งๆที่ไม่ได้นำเสนองานวิจัยอะไรกับเขาเลย มีสิทธิ์เพียงเป็นผู้ฟังเท่านั้น อาจจะมีบ้างที่สงสัยก็จะลุกขึ้นถาม ซึ่งก็ไม่ใช่คำถามที่ยากอะไร ถามง่ายๆเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้นำเสนอ ถามเพื่อให้ตอบได้ มิใช่ถามเพื่อหวังจะทำให้ผู้นำเสนอจนมุม ทั้งคนถามและคนตอบอยู่ในฐานะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน
การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาหมายถึงการศึกษาที่สูงกว่าปริญญาตรี นั่นหมายถึงการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เปิดสอนระดับปริญญาโท 5 สาขาวิชาคือพุทธศาสน์ศึกษา ศาสนาและปรัชญา บริหารการศึกษา รัฐศาสตร์การปกครอง และสังคมวิทยา เปิดสอนระดับปริญญาเอก 3 สาขาวิชาคือพุทธศาสน์ศึกษา ศาสนาและปรัชญา และบริหารการศึกษา รับนักศึกษาไม่จำกัดเพศรับทั้งพระภิกษุและฆราวาส ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดวัย อายุ 80 ปีหากยังมีแรงเรียนไหวก็ยังเป็นนักศึกษาได้ การจัดการศึกษาในระดับนี้ในเมืองไทยจุดเน้นที่สำคัญที่สุดคือการทำวิทยานิพนธ์หรือการทำวิจัยตามหัวข้อที่ตนเองสนใจในขอบข่ายเนื้อหาตามแต่ละสาขาวิชา ใครศึกษาในสาขาวิชาอะไรก็ต้องมีจุดยืนในเนื้อหาวิชานั้นๆ
คิดถึงสมัยเป็นเด็กผู้เขียนเป็นเด็กบ้านนอกในชนบทห่างไกลความเจริญ สมัยนั้นแม้แต่จะดูโทรทัศน์ก็ต้องจ่ายเงิน ทั้งหมู่บ้านมีโทรทัศน์ขาวดำเพียงเครื่องเดียว ผู้เป็นเจ้าของคืออดีตคนงานที่ไปทำงานต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง พอกลับบ้านก็จะซื้อโทรทัศน์มาด้วย จึงเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน ทำให้เด็กๆสมัยนั้นต่างก็ตั้งความหวังว่าเมื่อโตเป็นหนุ่มจะได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ จะได้มีเงินร่ำรวยเป็นผู้มีอันจะกินกับเขาบ้าง
เพื่อนสมัยเป็นเด็กในรุ่นเดียวกันมีอยู่มากกว่าสามสิบคน พอเรียนจบการศึกษาภาคบังคับสมัยนั้นคือชั้นประถมปีที่สี่ ก็ไม่มีใครอยากเรียนต่อ เพราะจะต้องเดินทางไปเรียนระดับประถมปลายคือชั้นประถมปีที่ห้าถึงเจ็ดที่โรงเรียนในตำบล หนึ่งตำบลมีโรงเรียนระดับประถมปลายเพียงแห่งเดียว ต้องคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดีที่สุดหมู่บ้านละไม่เกินสี่คนเข้าไปเรียนต่อ ผู้เขียนเป็นเด็กเรียนดีจึงได้รับการคัดเลือกและเรียนจนจบชั้นประถมปลาย
พอถึงชั้นมัธยมต้นเหลืออยู่เพียงสามคน เมื่อเข้าเรียนในมัธยมปลายก็เหลืออยู่เพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นเพื่อนในรุ่นเดียวกันจึงมีผู้จบมัธยมปลายเพียงสองคน สำหรับผู้เขียนแล้วการศึกษาน่าจะสิ้นสุดเพียงเท่านั้น
ชีวิตก็น่าจะมีครอบครัวและดำเนินชีวิตตามรอยแห่งบรรพบุรุษคือเป็นชาวนาเหมือนคนอื่นๆ แต่ทว่าชะตาชีวิตบางครั้งก็เหมือนกับมีอะไรสักอย่างชี้ทางให้เดิน เมื่ออุปสมบทหลวงพ่อขอให้เรียนภาษาบาลี จนสามารถสอบได้เป็นพระมหาเปรียญ และมีอาจารย์ท่านหนึ่งนำมาฝากให้เรียนต่อในกรุงเทพมหานคร จึงได้เรียนที่สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย จนจบตามหลักสูตรได้ปริญญาตรีศาสนศาสตรบัณฑิต
หลวงพ่ออุปัชฌาย์บอกว่าจะส่งไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอินเดีย แต่ความฝันของหลวงพ่อยังไม่สำเร็จเพราะหลวงพ่อได้มรณภาพก่อน ตอนนั้นชีวิตเหมือนขาดเสาหลัก ขาดที่พึ่ง จึงเดินทางไปเชียงใหม่ในสถานะของพระธุดงค์กรรมฐาน ตั้งใจว่าจะเดินตามรอยทางแห่งครูบาอาจารย์มีหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวนเป็นต้นที่มักจะเดินทางไปธุดงค์ตามป่าเขาลำเนาไพรในภาคเหนือ
แต่ว่าชะตาชีวิตคงถูกลิขิตมาในทางการศึกษา เพื่อนพระภิกษุท่านหนึ่งมาชวนไปสอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สาขาวิชาปรัชญา “ไปสอบเป็นเพื่อนผมหน่อย” ท่านว่าอย่างนั้น พิจารณาเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย คิดแต่เพียงว่าแค่ไปนั่งสอบเป็นเพื่อน คงได้แค่สอบ เพราะไม่เคยปรากฎว่ามีพระภิกษุรูปใดสามารถสอบผ่านเข้าศึกษาในสาขาวิชานี้ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มาก่อนเลย
แต่ทว่าชะตาชีวิตที่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดเดาเอาไว้ เพื่อนที่ไปสอบด้วยกันกลับสอบตก ส่วนผู้ที่คิดเพียงแค่ว่าไปสอบเป็นเพื่อนเขากลับสอบได้
ต้องบอกว่าผู้เขียนเป็นพระภิกษุชุดแรกที่สอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ รุ่นนั้นมีพระภิกษุสามรูปในจำนวนนักศึกษา 12 คน แต่เมื่อเริ่มทำวิทยานิพนธ์ก็มีผู้จบการศึกษาเพียง 8 คน ในจำนวนพระภิกษุรุ่นนั้นรูปหนึ่งมรณะไปแล้ว อีกรูปหนึ่งลาสิกขา เหลือเพียงผู้เขียนรูปเดียวที่ทนอยู่ในเพศบรรพชิต และเรียนจนจบปริญญาเอก เป็นอาจารย์สอนในสถาบันที่ตัวเองเคยศึกษามา
คิดถึงสมัยที่เรียนปริญญาโทและปริญญาเอก ในช่วงที่จะต้องทำวิทยานิพนธ์ มีความรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในการศึกษา เขียนเสร็จแล้วส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจแก้ บางครั้งแก้แล้วแก้อีก บางครั้งอาจารย์งานยุ่งมากไม่มีเวลาตรวจแก้ให้ งานที่คิดว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นก็ต้องยืดเวลาออกไปอีก กว่าจะจบปริญญาโท และปริญญาเอกมาได้เหนื่อยสายใจแทบขาด แต่ทว่าเมื่อตั้งใจมั่นแล้วก็ต้องเรียนให้สำเร็จ
ผู้ที่มีความพยายามมุ่งมั่นไม่ท้อถอย สักวันหนึ่งก็ย่อมจะประสบความสำเร็จจนได้ ดังที่แสดงไว้ในมหาสีลวชาดก ขุททกนิกาย ชาดก ความว่า
“อาสึเสเถว ปุริโส น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ ยถา อิจฺฉึ ตถา อหูติ ฯ (27/51/17)
แปลเป็นภาษาไทยตามพระไตรปิฎกฉบับหลวงว่า “บุรุษผู้เป็นบัณฑิตควรมุ่งหมายไปกว่าจะสำเร็จผล ไม่ควรจะท้อถอย ดูเราเป็นตัวอย่าง เราปรารถนาอย่างใดได้อย่างนั้น”
มนุษย์หากตั้งความปรารถนาไว้แล้ว ไม่ละความพยายาม ไม่ท้อถอยก็ย่อมจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ตามที่ตนปรารถนา เกิดเป็นคนควรมีความพยายาม มีความหวัง มีเป้าหมาย แม้ว่าบางครั้งจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ท้อแท้ แต่เมื่อยังมีความหวังและไม่ท้อถอยก็ย่อมสำเร็จผลตามที่ปรารถนาได้
นักศึกษาที่เสนองานวิจัยในการประชุมวิชาการเสนอผลการวิจัย แต่ละท่านกว่าจะทำงานวิจัยได้สำเร็จก็ต้องทำงานหนัก ทำการศึกษาค้นคว้าตามรูปแบบของการทำวิจัยเพื่อวิทยานิพนธ์ ของแต่ละสถาบัน เมื่อจบการศึกษาแล้ว หากโชคดีก็จะต้องทำงานตามสาขาวิชาที่ได้ศึกษามา
โลกหมุนไปตามความคิด ชีวิตเคลื่อนไปตามการศึกษา ผู้เขียนเองมาจากเด็กบ้านอก เป็นลูกชาวนาในอดีต แต่เมื่อมีโอกาสได้ศึกษาก็จะทำจนสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เรียนเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ความเพียรพยายามในอดีตทำให้วันนี้อยู่ในฐานะเป็นรุ่นพี่ เป็นอาจารย์ของนักศึกษาบางคนที่นำเสนองานวิจัยในครั้งนี้ ชีวิตหมุนเวียนเปลี่ยนไปเพราะการศึกษาโดยแท้ เป็นคนหากไม่มีความพยายามก็เหมือนปลาที่ลอยไปตามกระแสน้ำ ส่วนหนึ่งมักจะเป็นปลาที่ตายแล้ว
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
20/10/57