ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          แดดยามเช้าอุ่นเป็นพิเศษเพราะอากาศหนาวติดต่อกันมาหลายวัน หนาวปีนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัว  จู่ๆก็หนาวมาแบบกระชับสั้นคือหนาวขึ้นมาเฉยๆ อุณหภูมิที่เคยอยู่ที่ 28 องศาก็ลดลงเหลือเพียง 18 องศา มีแนวโน้มว่าจะลดลงอีก เรียกว่าภายในหนึ่งวันลดลงทันที 10 องศา ผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรงพอต้องเจ็บป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ยามเช้าแสงแดดอ่อนโยนและอบอุ่น ในขณะที่ลมหนาวยังโชยแผ่วเรื่อยมาตั้งแต่อรุณรุ่ง 
          หนาวมักจะมากับลม นอกจากลมแล้วยังมีฝุ่น กุฏิที่พึ่งกวาดและเช็ดถูเมื่อตอนเย็นพอรุ่งเช้าก็เต็มไปด้วยฝุ่น แถมยังมีเศษไม้ใบหญ้าปะปนมาด้วย  “สายลมจับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ ลมหนาวเมื่อสัมผัสกายกับรับรู้กับสัมผัสนั้นได้  อุปสรรคปัญหาที่แทรกผ่านเข้ามาในชีวิตก็จับต้องไม่ได้ แต่รับรู้ได้  สายลมไม่เคยหยุดนิ่ง มีทั้งลมร้อนและลมหนาว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อุปสรรคก็เฉกเช่นเดียวกัน ไม่เคยหยุดนิ่งยังถาโถมเข้ามาในชีวิต บางครั้งรุนแรงจนแทบจะทานทนไม่ไหว บางครั้งก็ปรากฏเพียงบางเบาเหมือนภาพร่างในความฝัน  เมื่อตื่นขึ้นก็เลือนรางไม่นานก็ลืมเลือน สายลมไม่ว่าร้อนหรือหนาวผ่านมาก็ผ่านไป หากเป็นลมเย็นก็ทำให้สบาย แต่หากเป็นลมร้อนก็ร้อนรน ไม่ว่าลมประเภทใดที่ผ่านมาเราเพียงแต่สัมผัสรับรู้และปล่อยให้ผ่านไป ไม่นานสายลมใหม่ก็จะมาเยือนอีกครั้ง
          อุปสรรคและปัญหาก็ไม่ได้แตกต่างจากสายลม ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีนิทานเซนอยู่เรื่องหนึ่งเรื่องมีอยู่ว่า พระในนิกายเซนสองรูปกำลังโต้เถียงกันเกี่ยวกับลมที่กำลังพัดธงพลิ้วไหวที่เสาธงหน้าวัด พระรูปหนึ่งบอกว่า “ธงกำลังไหว” 
          พระอีกรูปหนึ่งบอกว่า “ธงไม่ได้ไหว ลมต่างหากที่ไหว”
          บังเอิญมีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งเดินผ่านมาได้ยินเข้าจึงบอกว่า “ลมไม่ได้ไหว ธงก็ไม่ได้ไหว จิตของเธอต่างหากที่กำลังไหว”
          แม่ชีรูปหนึ่งผ่านมาได้ยินเข้าจึงบอกว่า “ธงไม่ได้ไหว ลมไม่ได้ไหว  จิตก็ไม่ได้ไหว” จากนั้นก็ส่งยิ้มน้อยๆและเดินจากไป ปล่อยให้พระทั้งสามรูปยืนงงอยู่หน้าเสาธงนั่นเอง
          นิทานเซนเรื่องนี้ไม่มีบทสรุป เพราะการมองสิ่งต่างๆของแต่ละคนแม้จะเป็นสิ่งเดียวกันแต่เห็นคนละอย่าง คำตอบจึงออกมาต่างกัน ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก  เพียงแต่มองปัญหาต่างกัน หากลมไหวจะไปต้านแรงลมทำไมกัน หากธงไหวนั่นก็แสดงว่าเราปล่อยให้ธรรมชาติเป็นไปตามกระแส  ถ้าจิตไหวนั่นก็เนื่องมาจากจิตใจไม่มั่นคงพอยังไหวไปตามสิ่งที่พานพบ  
          ธรรมชาติเป็นไปตามครรลอง หนาวมากับลม ก็หาผ้าห่มมากันหนาว หรือไม่ก็ก่อกองไฟผิงไฟให้หายหนาว  หากไม่มีทั้งไฟก็ยังมีแดดที่ป้องกันความหนาวได้  ธรรมชาติให้สิ่งที่แก้ไขป้องกันสิ่งต่างๆมาในเวลาเดียวกัน เพียงแต่ต้องค้นหาให้พบ 
          อุปสรรคในชีวิตมนุษย์ก็มาพร้อมกับสิ่งต่างๆเหมือนกัน เหมือนในทะเลต้องมีคลื่น มีกลางคืนก็มีกลางวัน อุปสรรคเหมือนสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป คิดถึงบุคคลผู้ที่ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคก็นึกถึง คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจและพ่อค้าชาวอิตาลี ในยุคที่มีความเชื่อว่าโลกแบน แต่โคลัมบัสเชื่อว่าโลกกลม เขาเสนอแผนการเดินเรือเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ เสนอแผนการหลายแห่งแต่ไม่ค่อยมีใครให้การสนับสนุน จนกระทั่งกษัตริย์แห่งสเปนพระราชทานเรือสามลำพร้อมลูกเรือ โคลัมบัสออกเดินทางในปีคริสตศักราช   1492 (พุทธศักราช 2035) เรือเดินทางมุ่งหน้าทางทิศตะวันตก โดยอาศัยแรงลมกับความเชื่อ
          หากมีแต่ลม ไม่มีความเชื่อ เรือก็คงออกจากท่าไม่ได้ แต่เพราะเรือของโคลัมบัสมีทั้งลมและความเชื่อว่าโลกกลมเรือจึงมุ่งหน้าไปค้นหาความจริงตามที่เขาเชื่อ กาลเวลาในท้องทะเลที่พบแต่น้ำ ลมและความสิ้นหวัง แต่โคลัมบัสก็ยังไม่ยอมแพ้เดินหน้าต่อไป ในที่สุดเรือก็ขึ้นฝั่ง เขาค้นพบทวีปอเมริกา แต่เข้าใจว่าเป็นทวีปเอเชียและเรียกชาวพื้นเมืองว่าอินเดียนแดง และในเวลาต่อมานักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ว่าโลกกลมตามความเชื่อของโคลัมบัส เขาค้นพบทวีปอเมริกาคนแรก แต่ทำไมไม่ตั้งชื่อทวีปว่าโคลัมบัส  ต่อมามีนักเดินเรืออีกคนชื่ออเมริโก เวสปุสซี่ ชาวอิตาเลี่ยน เดินทางมาพบดินแดนที่โคลัมบัสเคยเดินทางมาก่อนแล้ว และทราบว่าดินแดนแห่งนั้นคือทวีปใหม่ จึงเรียกดินแดนแห่งนั้นว่า “อเมริกา”
          แดดอุ่นในยามเช้า ลมหนาวในยามสาย  ความหนาวที่ไม่รุนแรงเกินไปบรรยากาศกำลังดี จิตใจผ่องใส สายลมผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เช่นเดียวกับชีวิตของมวลมนุษยชาติที่มาสู่โลกนี้แล้วไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไปเหมือนกัน ผิดกันแต่กาลเวลาว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากันจึงไม่ควรประมาทในการใช้ชีวิต ดังที่มีพุทธภาษิตแสดงไว้ใน ปริพาชกสูตร อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ภาษาไทย ฉบับหลวง (21/30/36) ความว่า  “บุคคลผู้ไม่พยาบาท มีสติในกาลทุกเมื่อ มีจิตตั้งมั่นในภายใน ศึกษาในความกำจัดอภิชฌาอยู่ เราเรียกว่าเป็นผู้ไม่ประมาท”
          แปลมาจากภาษาบาลีว่า “อพฺยาปนฺโน สทา สโต        อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต
                                             อภิชฺฌาวินเย สิกฺขํ               อปฺปนมตฺโตติ วุจฺจติฯ 
                                                                                                    ภาษาบาลี ฉบับสยามรัฐ(21/30/41)
          ไม่พยายามก่อพยาบาทคิดปองร้ายใคร  มีสติระลึกได้ในที่ทุกสถาน  มีจิตใจที่ตั้งมั่นในภายใน พยายามกำจัดอภิชฌา(ความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา)ออกไปจากจิตใจ  ผู้นั้นก็ได้ชื่อเป็นผู้ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ลมร้อนหรือลมหนาวจะมาหรือไม่มาก็เป็นเช่นเดียวกัน หากจิตใจมั่นคงก็สู้กับลมแห่งกาลเวลาได้ไม่หวั่นไหวกับแรงลม สายลมแห่งกาลเวลามีเวลาจางหาย แต่สายลมแห่งชีวิตไม่เคยหมดสิ้นไปตราบใดที่ยังมีลมหายใจ
 
 
พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
19/12/56
 
 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก