ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai


       นักท่องเที่ยวคนอื่นเพียงแต่เดินชมความงามจากภาพแกะสลักและทิวทัศน์รอบๆอาณาบริเวณ แต่หลวงตาไซเบอร์เดินเวียนขวารอบองค์เจดีย์พร้อมกับถ่ายภาพแกะสลักเหล่านั้นทุกช่องประตู จากชั้นแรกจนถึงชั้นที่สามผ่านไปด้วยดีเพราะความเพลิดเพลินกับการเสพสุนทรียของภาพแกะสลักยังมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่พอเริ่มชั้นที่สี่แขนเริ่มล้าตาเริ่มพร่า จึงค่อยๆเดินลงมายังฐานของเจดีย์  

         หนังสืออินโดนีเซียได้บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า “บรมพุทโธทั้งหมดมีสิบชั้น ใช้แทนภพทั้งสามของจักรวาลตามความเชื่อของพระพุทธศาสนานิกายมหายานคือกามภพ รูปภพ และอรูปภพ รูปนูนแกะสลักขั้นล่างสุด แสดงให้เห้นถึงความปีติของโลกนี้และการถูกทำโทษด้วยการลงนรกในโลกหน้า  ห้าชั้นถัดไป (ทางเดินรอบองค์และเฉลียงรอบสี่ชั้น) มีภาพสลัก (เริ่มจากบันไดตะวันออกไล่ไปรอบเฉลียงตามเข็มนาฬิกา)  ภาพเจ้าชายสิทธัตถะสู่การเป็นพระพุทธเจ้า นิทานชาดก เรื่องราวของพระองค์ในชาติก่อนและชีวิตของพระโพธิสัตว์สุธนะ(จากกันดะวยุหะ) ซึ่งแสดงไว้บนแผ่นหินพร้อมภาพสามัญชน เจ้าฟ้า นักดนตรี นางรำและนักบุญ และมีรายละเอียดด้านชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชวาโบราณที่น่าสนใจในโพรงเหนือเฉลียงรอบมีพระพุทธรูปหิน 432 องค์ในปางทั้งห้าคือขอให้ธรณีเป็นพยาน แสดงทาน สมาธิ กล้าหาญและปัญญา  เหนือเฉลียงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีลานกลมสามระดับ ประดับด้วยเจดีย์สร้างตามแบบพุทธศิลป์ 72 องค์ ส่วนใหญ่พระพุทธรูปสลักทรงเข้าฌาน แต่มีอยู่สององค์ที่อยู่กลางแจ้งและทอดพระเนตรไปยังภูเขาเมอโนเระห์ที่อยู่ใกล้กัน แท้จริงแล้วลานทั้งสามนี้คือขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านที่นำไปสู่ชั้นที่สิบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนภพสูงสุดคืออรูปภพ(ศิริพร โตกทองคำ,อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สู่โลกกว้าง,2549,หน้า 149)

         ประเทศอินโดนีเซียหรืออาณาจักรชวามีโบราณวัตถุทางพระพุทธศาสนาจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงในอดีตพระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้มาก่อนดังที่เอลซา ไซนุดิน บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า “อาณาจักรต่างๆในชวาทิ้งโบราณวัตถุทั้งหลายอย่างหรูหราไว้เป็นอันมาก ในระหว่าง ค.ศ. 750 -850 มีการสร้างปูชนียสถานในพระพุทธศาสนาที่น่าประทับใจที่สุดในชวากลางคือเจดีย์บุโรพุทโธซึ่งยังคงอยู่มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เจดีย์บุโรพุทโธแสดงให้เห็นแบบการก่อสร้างที่แสดงความคิดทางพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับจักรวาล และตามภาพแกะสลักอันยาวเหยียดรอบระเบียงทั้งสี่ด้านก็เป็นภาพพุทธประวัติทั้งสิ้น (เอลซา ไชนุดิน(เพ็ชรี  สุมิตร แปล),ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ: มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย,2552,หน้า 59)  
         หนังสือประวัติศาสตร์อินโดนีเซียยังกล่าวถึงเจดีย์บรมพุทโธไว้อย่างน่าสนใจว่า “มีผู้มองบุโรพุทโธมิใช่เป็นเพียงตัวแทนของพุทธจักรวาลและเป็นทาง 10 ขั้นเพื่อบรรลุนิพพานอันสูงสุดเท่านั้น แต่ยังมีความผูกพันกับในอดีตกาล ดังนั้นบุโรพุทโธเองจึงมิใช่เป็นสถูปในความหมายดั้งเดิมคือเป็นสถานที่ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า แต่เป็นสถานที่บรรจุพระศพกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทรที่ถวายพระเพลิงและฝังพระศพไว้บนพื้นฐานชั้นต้นๆของสิ่งก่อสร้างนี้ จึงเท่ากับผูกโยงปูขนียสถานในพระพุทธศาสนาไว้กับการบูชาบรรพบุรุษรุ่นเดิม และเจดีย์ยอดแหลมอันกว้างขวางแบบอินโดนีเซียแท้ๆ ในสมัยก่อนได้รับอิทธิพลฮินดูและพระพุทธศาสนา(ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,หน้า 61)

         ส่วนรูปลักษณ์ของเจดีย์นั้นได้อธิบายไว้ว่า “เจดีย์บุโรพุทโธสร้างเป็นรูปโดมใหญ่หรือเป็นสถูปรอบๆเขาเตี้ยๆ เป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลดังที่สาวกของพระพุทธเจ้าแลเห็น ใต้ฐานเจดีย์เป็นรูปแกะสลักภาพนูนแสดงให้เห็นโลกของความใคร่และตัณหา คนดีจะได้รับรางวัลด้วยการไปเกิดใหม่ในชีวิตที่ดีกว่า และคนชั่วจะได้รับโทษไปเกิดใหม่ในที่ต่ำกว่า ที่แปลกก้คือผู้สร้างที่ได้แกะสลักภาพเหล่านี้แล้วกลับนำเอาก้อนหินไปปกปิดภาพเหล่านั้นเสีย ตามระเบียงทั้งสี่ด้านที่อยู่สูงขึ้นไปจากชั้นนี้เป็นชั้นๆขึ้นไปแสดงให้เห็นโลกของรูปในแบบต่างๆ หากเราเดินเลี้ยวซ้ายจากบันไดกลางเราเดินรอบลานกว้างและด้านบนระเบียงที่ไม่มีหลังคา มีลูกกรงอยู่ทางซ้ายและมีจารึกคำสอนหลักอยู่บนฝาผนังด้านใน พร้อมด้วยภาพพุทธประวัติในระยะต่างๆ ที่ทรงแสวงหาทางตรัสรู้อีก 1300 ภาพประกอบอยู่  หลังจากเดินเป็นระยะทางสามไมล์แล้ว เราก็พ้นจากโลกของรูปต่างๆออกไปยังโลกที่ปราศจากรูป มีลานกลมกว้างไม่มีขอบเขตสามระดับ มีสถูปหินถึง 72 สถูปเรียงรายอยู่โดยรอบคือสถูปเล็กเรียงรายอยู่รอบสถูปใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง และเราจะมองผ่านหุบเขาที่เขียวชอุ่มไปยังเทือกเขาที่แวดล้อมเรียงเป็นวงอยู่รอบด้าน เป็นอาณาบริเวณที่น่าชมอย่างยิ่ง (หน้า 60)
         อ่านคำอธิบายจากหนังสือกับการที่ได้ประสบด้วยตนเองต้องยอมรับว่าแม้บางส่วนจะไม่เหมือนในตำรา แต่บางส่วนก็มีความใกล้เคียง สถูปเล็กๆรอบๆองค์เจดีย์นั้นบรรจุพระพุทธรูปไว้ข้างในจำนวนมากและนักท่องเที่ยวมักจะเอามือลอดลูกกรงไปจับต้องพระหัตถ์หรือพระบาทพระพุทธรูปที่อยู่ภายใน ขณะที่มัคคุเทศก์ท่องบทสวดมนต์ให้ฟัง สถูปองค์กลางที่อยู่บนยอดสูงสุดนัยว่าแสดงให้เห็นนิพพานอันเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความว่างเปล่า 

         บนยอดเจดีย์เหมือนกับเป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกหน้า ยอดเจดีย์มุ่งตรงไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า เมื่อเดินทางจากฐานเจดีย์มาถึงยอดเจดีย์เหมือนกับจะเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าได้มาถึงจุดระหว่างสองโลกแล้ว
         วันนั้นการเดินทางยังมีต่อแต่การชมความมหัศจรรย์ของเจดีย์ต้องยอมรับว่าศรัทธาของชาวพุทธในอดีตนั้นต้องมีมากจึงสามารถสรรสร้างมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างบูโรบูดูร์หรือบรมพุทโธฝากไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชื่นชม อีกอย่างหนึ่งแสดงให้เห็นถึงพระพุทธศาสนาต้องเคยเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้ในอดีตมาก่อน ก่อนที่จะเลือนหายไปแต่ด้วยผลใดนั้นคงหาคำตอบได้ไม่ง่ายนัก

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
11/05/53

อ้างอิง

ศิริพร โตกทองคำ,อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สู่โลกกว้าง,2549.
เอลซา ไชนุดิน(เพ็ชรี  สุมิตร แปล),ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ: มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย,2552.

 

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก