ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

       ประเทศไต้หวันเป็นดินแดนที่มีคนไทยไปทำงานในยุคแรกๆพอๆกับประเทศซาอุดิอารเบีย คนไทยจึงคุ้นเคยกับประเทศนี้เป็นอย่างดี แต่คนที่ไม่ได้ไปทำงานยังคงเป็นประเทศใหม่ นานกว่ายี่สิบปีมาแล้วที่ได้ยินว่ามีวัดไทยในประเทศไต้หวันแต่ไม่เคยไปเยือนสักที จนกระทั่งคณะสงฆ์ไทยในไต้หวันและฮ่องกงจัดประชุมขึ้นจึงมีโอกาสร่วมเดินทางไปในฐานะผู้สังเกตการณ์ ร่วมกับสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) ก่อนปีใหม่จะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่วัน
 

       เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณเจ็ดนาฬิกาใช้เวลาเดินทางประมาณสามชั่วโมงครึ่งลงจากเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติเถาหยวน ไต้หวันเวลาประมาณเที่ยงวัน หากดูตามเวลาเดินทางน่าจะเป็นเวลาประมาณสิบโมงครึ่ง แต่เวลาไต้หวันเร็วกว่าเมืองไทยประมาณหนึ่งชั่วโมง กว่าจะผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองก็เที่ยงพอดี การประชุมที่จัดขึ้นที่สำนักสงฆ์พุทธบารมี ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเกาสงในเขตภาคใต้ การประชุมจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า เวลาที่เหลือนอกจากการเดินทางที่ต้องนั่งรถยนต์จากไทเปมายังเกาสง เรียกว่าจากเหนือจรดใต้เลยทีเดียว เวลาที่หมดไปหนึ่งวันจึงอยู่ที่การเดินทาง ไม่ได้ไปเที่ยวชมสถานที่ใดๆเลย เพียงแต่ใช้การทักทายด้วยสายตาระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นหมากและพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ต้นหมากคือพืชเศรษฐกิจของไต้หวัน แทบทุกหัวเมืองจะมีร้านขายหมากและมีคนกินหมากกันทั่วไป อัตราการขายมีหลายราคา ราคาปรกติห่อละห้าสิบเหรียญมีหมากประมาณสิบห้าเม็ด มีลูกหมากเล็กๆหนึ่งลูกห่อด้วยใบพลูและปูน มีเพียงเท่านี้ก็กลายเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของไต้หวัน

 

       สำนักสงฆ์พุทธบารมี เมื่อเริ่มก่อตั้งเรียกว่าสำนักสงฆ์หย่งคัง อำเภอหย่งคัง เมืองไถหนานตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2552 อยู่ใกล้กับเมืองเกาสง ปัจจุบันเป็นวัดเล็กๆอยู่ชายเมืองเป็นเพียงสำนักสงฆ์ชั่วคราวที่กำลังจะซื้อที่ดินบริเวณสวนผักของชาวบ้านอยู่กลางทุ่ง บรรยากาศสงบล้อมรอบไปด้วยสวนผักของชาวบ้าน แต่ต้องรองบประมาณและการติดต่อประสานงานกับเจ้าของที่ดิน ปัจจุบันมีพระมหามงคล ถิรมงฺคโล เป็นเจ้าอาวาส
       เมืองเกาสงตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวันเป็นเมืองศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมที่สำคัญ เกาสงมีประชากรประมาณหนึ่งล้านคนเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากไทเป หากเดินทางโดยรถยนต์ก็ต้องใช้เวลานานกว่าหกชั่วโมง มีสถานที่สำคัญหลายห่งเช่นวัดหยวนเฮิงเป็นศูนย์กลางสำคัญของพระพุทธศาสนาแบบจีนยุคปัจจุบัน ศาลเจ้าซานเฟิ่ง วัดซานซานกว้อหวางสร้างมานานกว่าสามร้อยปี แต่ในวันนั้นไม่ได้เข้าชมสถานที่สำคัญใดๆ เพราะจุดประสงค์หลักอยู่ที่วัดฝอกวงซาน ซึ่งจะต้องเดินทางจากเกาสงไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ไปถึงก็เกือบค่ำแล้ว แต่ยังมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกประมาณสามชั่วโมง สถานที่ได้ทัศนาแห่งแรกที่ไต้หวันจึงเป็นวัดฝอกวงซาน ได้ยินชื่อมานานแต่พึ่งได้มีโอกาสได้เห็น

 

       วัดฝอกวงชานเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาของไต้หวัน ภายในประกอบด้วยวิหาร หอบูชา แนวระเบียง ศาลา เจดีย์ สะพาน ทางเดิน หอไตร หอฝึกสมาธิ สระน้ำ ถ้ำจำลอง และพระพุทธรูปงามๆอีกมากมาย ใกล้ประตูทางเข้ามีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หนึ่งองค์พระสูง 32 เมตร ถือเป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในไต้หวัน รอบๆรายล้อมไปด้วยพระสงสาวกอีก 480 รูป ข้างกำแพงวัดมีภาพวาดตามกำแพงอีกจำนวนมาก มีทั้งภาพทิวทัศน์ เซียน นักบวช พระสงฆ์ ตลอดจนวิถีชีวิตชาวบ้าน หากจะดูให้หมดคงต้องใช้เวลาพักที่วัดแห่งนี้สักหนึ่งอาทิตย์  
       พอไปถึงเจ้าอาวาสให้การต้อนรับสนทนาปราศรัยโดยมีภิกษุณีชาวไทยรูปหนึ่งเป็นล่าม นั่นกระทำกันตามประเพณี เมื่อใครแจ้งความประสงค์จะพบใครผู้นั้นก็จะออกมาให้การต้อนรับ เช่นคณะพระสงฆ์ผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศไทยต้องการพบเจ้าอาวาส ผู้ทำหน้าที่เจ้าอาวาสวัดฝอกวงซานจึงออกมาต้อนรับ หลังจากการต้อนรับที่เป็นพิธีการผ่านไป โดยมีการมอบของที่ระลึกซึ่งวันนั้นได้ซองทองคำใส่นามบัตรทองคำมาหนึ่งอัน ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นเงินเพราะวัดขึ้นว่ามือหนัก แต่พอเปิดดูกลับกลายเป็นบัตรทองคำหนึ่งแผ่นจารึกภาษาจีนที่อ่านไม่ออก

 

       เดินผ่านห้องโถงอีกห้องหนึ่งข้างๆกันเหลือบไปเห็นหลวงพ่อสูงอายุรูปหนึ่งกำลังสนทนากับพุทธศาสนิกชน เมื่อถามภิกษุณีชาวอินโดนีเชียซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นคนไทย เพราะเธอพูดภาษาไทยได้ เธอบอกว่านั่นคือหลวงพ่อซิงหวิน อาจารย์ใหญ่ของวัดฝอกวงซานแห่งนี้ เมื่อเห็นผู้เขียนทำหน้างงๆ ภิกษุณีรูปนั้นจึงบอกว่า การบริหารงานของวัดนี้กระทำเป็นองค์กร มีหลวงพ่อใหญ่เป็นประธาน จากนั้นก็จะมีตำแหน่งรองลงมา เช่นเจ้าอาวาสเป็นตำแหน่งทางการบริหารซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสี่ปี หรือหากบริหารงานดีก็จะได้รับการลงมติให้บริหารงานต่อไปได้อีกหนึ่งสมัยคือสี่ปี แต่จะต้องอยู่ไม่เกินแปดปี จะต้องเปลี่ยนเจ้าอาวาสรูปใหม่ ตำแหน่งเจ้าอาวาสของที่นี่จึงต้องเปลี่ยนทุกสี่ปี ที่เดินผ่านมาเห็นมีหลวงจีนหลายรูปนั้นบางรูปเคยเป็นเจ้าอาวาสมาก่อน แต่พอเปลี่ยนตำแหน่งก็ไปทำหน้าที่อย่างอื่นและทำงานร่วมกันได้ ทั้งหมดของที่นี้บริหารในรูปแบบองค์กร ทุกตำแหน่งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไม่มีการผูกขาด
       ฟังดูแล้วคล้ายๆรัฐบาลที่จะต้องบริหารงานสี่ปี วัดนี้จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งโดยเฉพาะ ในความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับกำลังเห็นหลวงพ่อใหญ่กำลังยิ้มให้แต่ไม่กล้ายกกล้องถ่ายภาพ ที่บริเวณนั้นยังมีการขายของที่ระลึกเช่นชา ภาพถ่าย ลูกประคำ หรือสิ่งของอื่นๆ แม้กระทั่งอาหารก็มีให้บริการ ใกล้ประตูทางเข้ามีร้านกาแฟชื่อดังคือสตาร์บลั๊ค กำลังจะเดินเข้าไปใช้บริการอย่างน้อยก็ได้เอสเปรสโซร้อนๆสักแก้วคงหายง่วงและชมวัดเพลิน แต่เจ้าของร้านบอกว่ายังไม่เปิดให้บริการ จึงได้แต่ชิมรสน้ำชาของไต้หวันพอประทังไปได้

 

       วันนั้นมีภิกษุณีที่เป็นผู้นำเที่ยวหลายรูป พูดภาษาไทยได้ รวมทั้งภิกษุณีชาวอินโดนีเชียรูปนั้นด้วย พวกเธอคอยตอบคำถาม และเป็นช่างภาพถ่ายภาพให้ด้วย ถามภิกษุณีรูปนั้นเธอบอกว่ามาอยู่ที่นี้ห้าปีแล้วมาศึกษาวิชาพระพุทธศาสนาในวิทยาลัยฝอกวงซัน ซึ่งจะต้องบวชเป็นภิกษุณีก่อน หลวงพ่อที่มาจากอินโดนีเชียที่ร่วมขบวนมาด้วยเมื่อรู้ว่าเธอเป็นชาวอินโดนีเชียจึงหันไปพูดภาษาอินโดนีเชีย ซึ่งผู้เขียนเองฟังไม่รู้เรื่อง แต่ฟังจากน้ำเสียงของหลวงพ่อแล้วคล้ายๆจะไม่ยอมรับว่ามีภิกษุณีเถรวาทอินโดนีเชีย เห็นภิกษุณีรูปนั้นเธอยิ้มเจื่อยๆ พอมีโอกาสจึงถามว่าเธอคิดอย่างไรกับนักบวชหญิง เธอบอกว่าก็เป็นสิทธิของทุกคน ฉันบวชเป็นภิกษุณีเพราะอยากศึกษาเล่าเรียน ที่นี่หากไม่เป็นนักบวชโอกาสที่จะเข้าศึกษาในวิทยาลัยยากมาก ที่เมืองไทยก็มีสาขาของวัดฝอกวงซานโดยมีภิกษุณีชาวไทยเป็นผู้ดูแล ฉันก็เคยอยู่จำพรรษาที่วัดในเมืองไทยจนพูดภาษาไทยได้

 

       วันนั้นอยู่ในพิพิธภัณฑ์นานร่วมสองชั่วโมงซึ่งมีภิกษุณีนำเที่ยวชมเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ซึ่งน่าสนใจทั้งนั้น วัดนี้ใหญ่โตโอฬารจนยากที่จะใช้เวลาสั้นๆในการเที่ยวชม จึงออกมานั่งเล่นดูการจัดสถานที่ซึ่งทราบว่าเป็นวันคล้ายวันครบรอบวันเกิดของหลวงพ่อใหญ่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกสองวันข่างหน้า จึงเห็นทั้งนักบวชหญิงชายช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน พยายามเก็บภาพของการทำงานและความงามขององค์พระใหญ่ที่เริ่มมีแสงไฟสะท้อนจากองค์พระ แม้จะเป็นพระปฏิมาแบบมหายานแต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงปณิธานของการบวชที่เขียนไว้เป็นตัวอักษรภาษาจีนบนแผ่นผ้าขนาดใหญ่สี่แผ่นเป็นหลักมหาจตุรปณิธานสี่ประการของพระโพธิสัตว์ ภิกษุณีผู้เป็นคนนำทางแปลความให้ฟังว่า “เราจะละกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้น   เราจะตั้งใจศึกษาพระธรรมให้มีความรู้เจนจบ   เราจะโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น เราจะบำเพ็ญเพียรทำตนให้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ” 

 


       ป้ายทั้งสี่ป้ายนั้นเขียนด้วยอักษรจีนขนาดใหญ่สวยงามมาก อยู่หน้าประตูทางเข้าวิหาร ใครผ่านมาผ่านไปจะต้องพานพบป้ายนั้นก่อน เป็นการบ่งบอกปณิธานชัดเจนว่าเป้าหมายของการบวชนั้นคืออะไร  แสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเย็นและแสงประทีปโคมไฟของวัดฝอกวงซานกำลังมาบรรจบกัน  ได้เวลาออกเดินทางกลับที่พักแล้ว แสงสีทองพึ่งจางหายก็มีฝนโปรยปรายลงมาอากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ เป็นอันว่าเริ่มต้นที่ไต้หวันสถานที่สำคัญทางศาสนาที่ได้ทัศนาคือวัดใหญ่ฝอกวงซัน
 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
05/01/55

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก