สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานในพิธีประทานปริญญาบัตรศาสนศาสตรบัณฑิต ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต และศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม วันที่ 25 พฤษภาคม 2557
พระราชบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รายงานกิจการของมหาวิทยาลัยสรุปความว่า “ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นสถาบันการศึกษาที่ตั้งขึ้นโดยพระบรมราชโองการแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2436 และตามพระดำริแห่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมชั้นสูงของพระภิกษุสามเณร
ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงโปรดให้จัดการศึกษาในรูปมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเรียกชื่อว่า “สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย” และเมื่อ พ.ศ. 2527 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติรับรองหลักสูตรปริญญาตรีทั้ง 4 คณะ คือ คณะศาสนาปรัชญา คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และคณะศึกษาศาสตร์
ในปี พ.ศ. 2531 สภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้บัณฑิตวิทยาลัยเปิดระดับบัณฑิตศึกษา 2 สาขาวิชาคือพุทธศาสน์ศึกษา และสาขาวิชาศาสนาปรัชญา ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 รัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยต่อรัฐสภา และได้รับอนุมัติจากรัฐสภาให้ตราเป็นพระราชบัญญัติยกขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
ในปีการศึกษา 2548 สภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้บัณฑิตวิทยาลัยเปิดการศึกษาระดับปริญญาเอก ศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา และต่อมาได้อนุมัติให้เปิดศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศาสนาและปรัชญา
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ขยายการศึกษาไปเป็นวิทยาเขตในจังหวัดต่างๆ รวม 7 วิทยาเขต 3 วิทยาลัย และได้สนองงานคณะสงฆ์ในการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)
ในการประทานปริญญาบัตรครั้งนี้เป็นสมัยที่ 47 สภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติปริญญาศาสนศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 59 จำนวน 2251 รูป/คน ปริญญาศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สมัยที่ 21 จำนวน 956 รูป/คน และปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สมัยที่ 5 จำนวน 14 รูป/คน รวม 3221 รูป/คน มีผู้ได้รับปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์อีก 20 รูป/คน ปริญญาศาสนศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์อีก 3 รูป”
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประธานได้ให้โอวาทแก่บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต สรุปความว่า “ ผู้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา มีธุระที่จะพึงศึกษาอยู่ 2 อย่างคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ การสำเร็จการศึกษาฝ่ายปริยัตินั้นเป็นเพียงบันไดขั้นแรก ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ อันจะอำนวยให้ประสบผลของการปฏิบัติคือปฏิเวธต่อไป ดังนั้นเมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว จึงควรมีความสนใจเป็นอันมากในเรื่องการปฏิบัติธรรมและปฏิเวธธรรม เมื่อเป็นเช่นนั้นการศึกษาจะได้ชื่อว่าเป็นการศึกษาที่สมบูรณ์ ขอให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้มีความสนใจข้อนี้ให้มาก ปริญญาบัตรนี้เป็นเพียงแผ่นกระดาษที่ปราศจากความรู้ความสามารถ
ผู้ได้รับถ้าไม่มีความรู้ความสามารถจริง ปริญญาบัตรก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้นความเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของตน ให้ความรู้ความสามารถนั้นกลายเป็นปัญญาที่แท้จริง ให้ได้ผลดีทั้งทางวิชาคือความรู้ และจรณะคือความประพฤติ ปริญญาบัตรนี้ก็จะมีความหมาย และทำให้ผู้ถือมีเกียรติเป็นที่น่าอนุโมทนา ความรู้ความสามารถและประสบการณ์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติงานด้านการศึกษาและพระพุทธศาสนา ขอให้ทุกท่านหมั่นเพียรแสวงหา บุกเบิกให้ทันสมัยและทันโลก เพื่อนำมาปรับใช้ในบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น”
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัยเปิดสอนระดับปริญญาตรีสี่คณะ ปริญญาโท 5 สาขาวิชา ปริญญาเอกสองสาขาวิชาคือพุทธศาสน์ศึกษาและสาขาวิชาศาสนาและปรัชญา หากใครสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ mbu.ac.th
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
ศาสนศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 38
รายงาน
26/05/57