ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          มนุษย์มีภูมิความรู้หลายระดับ ความรู้ที่ว่าไม่ได้หมายถึงความรู้ทางโลกที่มักจะวัดกันที่ปริญญา แต่เป็นความรอบรู้ภายในที่เกิดจากการสั่งสมอบรมบ่มบารมีของแต่ละคน การทำบุญในพระพุทธศาสนาก็มีหลายระดับตั้งแต่ระดับที่ง่ายที่สุดคือการให้ทาน จากนั้นจึงรักษาศีล ผลของการให้ทานและรักษาศีลคือความสุขที่เรียกว่าสวรรค์ หากต้องการกระทำบุญกุศลให้ยิ่งขึ้นไปก็ต้องมองเห็นโทษของกามและขั้นสุดท้ายคือการออกจากกาม ในพระพุทธศาสนาจึงมีคำสอนสำหรับคนหลายระดับ จากระดับมีความสุขตามธรรมดาจนถึงความสุขอันยอดเยี่ยม ส่วนใครจะปฏิบัติได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาและการบำเพ็ญบารมีของแต่ละคน


          หลายปีมาแล้วที่วัดแห่งหนึ่งในชนบท ช่วงนั้นกำลังมีการรื้อกระเบื้องหลังคาศาลาการเปรียญหลังเก่าที่หลังคาชำรุดทรุดโทรม เพราะใช้งานมานาน นัยว่าน่าจะนานเกินหกสิบปีแล้ว จนไม่มีใครจำได้แล้วว่ากระเบื้องมุงหลังคามีอายุนานเท่าใด แต่ข้อเท็จจริงคือหลังคามีรอยรั่วมาก จนใช้งานไม่ได้ ยิ่งเป็นหน้าฝน ต้องคอยหลบฝนอยู่ตลอดเวลา หันไปทางนี้ก็เจอรอยรั่ว ไปอีกทางก็รอยรั่ว ในที่สุดจึงต้องรื้อกระเบื้องเก่าและมุงหลังคาใหม่

           หลวงตาไซเบอร์ฯ มักจะยืนดูคนงานทำงานด้วยความทึ่งในฝีมือและความชำนาญ พวกเขาใช้รอกชักลากกระเบื้องขึ้นไป จากนั้นก็เริ่มทำงานตั้งแต่เช้าจนเย็น คนงานมีหลายวัยทั้งหนุ่ม ผู้ใหญ่ และวัยชราช่วยกันทำ พวกหนุ่มๆยังไม่ชำนาญก็มีหน้าที่ในการขนกระเบื้องมากองรวมกันไว้  อีกพวกหนึ่งขนขึ้นไปไว้บนหลังคา ส่วนผู้ที่ชำนาญการก็ทำหน้าที่มุงกระเบื้องไป ใครมีหน้าที่อะไรก็ช่วยกันทำ สักวันคนหนุ่มก็ต้องกลายเป็นช่างหรือคนมีฝีมือ ส่วนช่างในปัจจุบันก็ต้องปลดระวางตามอายุขัย
          คนงานพวกนี้ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะต้องทำมาหากิน ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากกลุ่มคนงานเหล่านี้เป็นระยะๆ แม้งานจะหนักแต่ก็มีความสุข ที่วัดแห่งนั้นทุกวันพระจะมีพิธีทำบุญประจำที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมซึ่งอยู่ใกล้ๆกับศาลาการเปรียญนั่นเอง วันหนึ่งหนุ่มคนงานคนหนึ่งเดินแหวกกลุ่มพุทธศาสนิกชนเข้ามาที่อาสน์สงฆ์ จากนั้นก็เริ่มถวายซองปัจจัยถวายพระไปเรื่อยๆ เมื่อมาถึงหลวงตาฯเขาบอกว่า“ผมเกิดมายากจนนะครับ คงเพราะชาติก่อนไม่ค่อยได้ทำบุญไว้ ชาตินี้จึงต้องเกิดมาจน ตอนนี้ผมเริ่มทำบุญแล้ว ผมจะทำบุญด้วยการบริจาคทานและรักษาศีลทุกวันพระ”
          จึงบอกคนงานท่านนั้นว่าเริ่มต้นทำบุญได้ถูกทางแล้ว ในพระพุทธศาสนาเรียกการทำบุญตามลำดับว่าอนุปุพพิกถา ในสมัยพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อจะทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่คฤหัสถ์ ผู้มีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุธรรมพิเศษทรงแสดง “อนุปุพพิกถา” เป็นเบื้องต้นก่อน จากนั้นจึงทรงแสดงอริยสัจจ์สี่เป็นการทำจิตให้พร้อมที่จะรับธรรมเทศนาที่ลุ่มลึกตามลำดับ เหมือนผ้าที่ซักฟอกสะอาดแล้ว ควรรับน้ำย้อมต่างๆ ได้ด้วยดี

 


          อนุปุพพิกถา หมายถึงเรื่องที่กล่าวถึงตามลำดับ ธรรมเทศนาที่แสดงเนื้อความลุ่มลึกลงไปโดยลำดับ เพื่อขัดเกลาอัธยาศัยของผู้ฟังให้ประณีตขึ้นไปเป็นชั้นๆ จนพร้อมที่จะทำความเข้าใจในธรรมส่วนปรมัตถ์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาครั้งแรกแก่ยสกุลบุตร ดังที่แสดงไว้ในวินัยปิฎก มหาวรรค (4/26/29) ความว่า “ครั้นปัจจุสสมัยแห่งราตรีพระผู้มีพระภาคตื่นบรรทมแล้วเสด็จจงกรมอยู่ ณ ที่แจ้งได้ทอดพระเนตรเห็นยสกุลบุตรเดินมาแต่ไกล ครั้นแล้วเสด็จลงจากที่จงกรมประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ขณะนั้น  ยสกุลบุตรเปล่งอุทานในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคว่า  ท่านผู้เจริญ  ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ. ทันทีนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสกะยสกุลบุตรว่า ดูกรยส ที่นี่ไม่วุ่นวายที่นี่ไม่ขัดข้อง  มาเถิดยส  นั่งลง  เราจักแสดงธรรมแก่เธอ ที่นั้น ยสกุลบุตรร่าเริงบันเทิงใจว่าได้ยินว่า  ที่นี่ไม่วุ่นวาย  ที่นี่ไม่ขัดข้องดังนี้  แล้วถอดรองเท้าทองเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
          เมื่อยสกุลบุตรนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงอนุปุพพิกถา คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา  โทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย และอานิสงส์ในความออกจากกาม  เมื่อพระองค์ทรงทราบว่า ยสกุลบุตรมีจิตสงบ มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์ มีจิตเบิกบาน มีจิตผ่องใสแล้วจึงทรงประกาศพระธรรมเทศนา ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือ ทุกข์ สมุทัย  นิโรธ  มรรค
          ดวงตาเห็นธรรม  ปราศจากธุลี  ปราศจากมลทิน ว่า  สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา  ได้เกิดแก่ยสกุลบุตร ณ ที่นั่งนั้นแล ดุจผ้าที่สะอาดปราศจากมลทิน ควรได้รับน้ำย้อมเป็นอย่างดีฉะนั้น


      เนื้อความในอนุปุพพิกถาว่าด้วยการกล่าวตามลำดับของการทำบุญจากขั้นพื้นฐานจนถึงเรื่องสูงสุดเหมือนดังผ้าสะอาดที่พร้อมจะรับน้ำย้อม มีเนื้อความสรุปได้ดังต่อไปนี้
         1. ทานกถา ว่าด้วยเรื่องทาน กล่าวถึงการให้ การเสียสละเผื่อแผ่แบ่งปัน ช่วยเหลือกัน
         2. สีลกถา ว่าเรื่องศีล กล่าวถึงความประพฤติที่ถูกต้องดีงาม
         3. สัคคกถา ว่าด้วยเรื่องสวรรค์ กล่าวถึงความสุขความเจริญ และผลที่น่าปรารถนาอันเป็นส่วนดีของกาม ที่จะพึงเข้าถึง เมื่อได้ประพฤติดีงามตามหลักธรรมสองข้อต้นคือทานและศีล
         4. กามาทีนวกถา ว่าด้วยเรื่องโทษแห่งกาม กล่าวถึงส่วนเสีย ข้อบกพร่องของกาม พร้อมทั้งผลร้ายที่สืบเนื่องมาแต่กาม อันไม่ควรหลงใหลหมกมุ่นมัวเมา จนถึงรู้จักที่จะหน่ายถอนตนออกได้
         5. เนกขัมมานิสังสกถา ว่าด้วยเรื่องอานิสงส์แห่งความออกจากกาม กล่าวถึงผลดีของการไม่หมกมุ่นเพลิดเพลินติดอยู่ในกาม และให้มีฉันทะที่จะแสวงความดีงามและความสุขอันสงบที่ประณีตยิ่งขึ้นไปกว่านั้น


          ตามเนื้อหาในอนุปุพพิกถาใครอยากไปสวรรค์ก็ต้องบำเพ็ญทานและรักษาศีล ตัวอย่างของผู้ที่บำเพ็ญทานบารมีที่ยอเยี่ยมที่สุดก็คือพระเวสสันดร ซึ่งนิยมนำมาเทศน์แสดงให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษา เรียนรู้และถือเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ที่เสียสละแบ่งปันให้คนอื่น ส่วนโทษของกามและอานิสงส์ของการออกจากกามนั้นเป็นความดีในขั้นที่สูงขึ้นตามลำดับ  กามนั้นมีคุณน้อยแต่มีโทษมาก หากเมื่อใดพิจารณาเห็นโทษ ออกจากกามจะมีอานิสงส์ตามสมควรแก่การปฏิบัติ
          คนงานท่านนั้นมาร่วมงานทำบุญในวันพระมาหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกถวายปัจจัยจากค่าแรงที่อาบเหงื่อต่างน้ำ ครั้งต่อๆมาก็เริ่มช่วยเหลือคนอื่นยกสำรับกับข้าวมาถวายพระ จากนั้นก็นั่งฟังพระธรรมเทศนา แม้จะยังไม่ถึงกับนุ่งขาวห่มขาวแต่ก็รักษาศีล สวดมนต์นั่งสมาธิ
          วันหนึ่งคนงานท่านนั้นเข้ามาหาและบอกว่า “ผมอยากบวช แต่ไม่มีใครเป็นเจ้าภาพบวชให้ พ่อแม่ผมเสียชีวิตหมดแล้ว อีกอย่างผมก็ไม่ได้มีครอบครัวที่ตจะต้องกังวล ตัวคนเดียว ผมอยากบวชสักหนึ่งพรรษา” 
          หลวงตาไซเบอร์ฯจึงรับจัดการหาเจ้าภาพอุปสมบทให้ หลวงพี่รูปนั้นอยู่จำพรรษาที่วัดในชนบทแห่งนั้น แต่หลวงตาไซเบอร์ฯได้เดินทางไปจำพรรษาหลายแห่ง จนกระทั่งมาพำนักที่วัดมัชฌันติการามในปัจจุบัน วันหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จึงต้องหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินฝ่าสายฝนเข้ามาหลบฝนด้วย พอเห็นหน้าท่านรีบยกมือไหว้ ก่อนจะถามว่า “จำผมได้ไหมครับ” ตอนนั้นหลวงตาไซเบอร์ก็ยังงงๆ เหมือนคุ้นหน้าแต่ไม่คุ้ยเคย

 

          ภิกษุรูปนั้นจึงบอกว่า “ผมคืออดีตคนงานคนนั้นไงครับที่หลวงตาฯช่วยหาเจ้าภาพอุปสมบทให้ผม ตอนแรกผมกะจะบวชเพียงหนึ่งพรรษา แต่ตอนนี้ผมบวชได้สิบพรรษาแล้ว ผมสอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสงฆ์และกำลังจะเรียนจบปริญญาตรี เดินตามรอยทางที่หลวงตาได้เดินผ่านมาแล้วนั่นแหละครับ หากไม่มีความรู้พูดอะไรสอนอะไรชาวบ้านไม่ค่อยฟัง จึงต้องศึกษาเล่าเรียนไว้บ้าง”
           วันนั้นได้แต่สาธุอนุโมทนาในกุศลเจตนาของหลวงพี่รูปนั้น หลวงตาไซเบอร์ยกมือเช็ดน้ำที่ไหลลงอาบแก้ม ดูไม่ออกว่าเป็นน้ำตาหรือน้ำฝน ตอนนั้นรู้สึกตื้นตันในหัวใจ อย่างน้อยก็มีพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่จะเป็นผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา หลวงพี่รูปนั้นดำเนินตามอนุปุพพิกถาที่เคยอธิบายให้ท่านฟังเมื่อหลายก่อนจริงๆ ทาน ศีล สวรรค์ โทษของกามและอานิสงส์ของการออกจากกามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ลุ่มลึกตามลำดับ

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
08/10/55

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก