ฟุตบอลโลกคู่ชิงชนะเลิศระหว่างสเปนและเนเธอร์แลนด์คงมีผู้ชื่นชอบกีฬาประเภทนี้เฝ้าชมหลายล้านคนทั่วโลก แม้จะดึกไปหน่อยแต่กับการรอคอยสี่ปีครั้งหนึ่งต้องนับว่าคุ้มค่ากับการรอคอย ในขณะที่รอชมการแข่งขันของคู่ชิงชนะเลิศ ทำให้นึกถึงวรรณกรรมสเปนเรื่องหนึ่งคือดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน ซึ่งซื้อมานานแล้วอ่านไปได้เกือบจบ นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นเมื่อประมาณสี่ร้อยกว่าปีมาแล้ว น่าจะตรงกับสมัยอยุธยาตอนต้น แต่ทว่าเนื้อหายังคงสะท้อนจินตนาการของคนได้ดี เขาเดินตามจินตนาการสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่ วันนี้จึงหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน เป็นวรรณกรรมสเปนใช้ชื่อภาษาสเปนว่า El Ingenioso Hidalgo Don Quixote De La Mancha เป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เขียนโดยนักประพันธ์ชาวสเปนชื่อ มิเกล์ เด เซร์บันเตส ซาเบดฺร้า (Miguel De Cervantes Saavedra) เขียนขึ้นเป็นนิยายเสียดสีล้อเลียนนิยายอัศวิน ภาคแรกเขียนเมื่อปี พ.ศ. 2148 แปลจากภาษาสเปนเป็นภาษาไทยโดย สว่างวัน ไตรเจริญวิวัฒน์ จัดพิมพ์ขึ้นเป็นพิเศษโดยรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสเปนเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548 ในโอกาสครบรอบสี่ร้อยปีของวรรณกรรมเรื่องนี้ โดยพิมพ์ครั้งแรกจำนวนสองเล่มเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถ หนึ่งเล่ม และสมเด็จพระราชาธิบดี ฆวน การ์ลอส ที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่งราชาอาณาจักรสเปน หนึ่งเล่ม ในวโรกาสเสด็จเยือนประเทศไทย หนังสือเล่มนี้พิมพ์ในภาษาไทยครั้งแรกเพียงสองเล่ม ในการพิมพ์ครั้งนั้นคงไม่มีใครหาอ่านได้
ต่อมาสำนักพิมพ์ผีเสื้อ พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2549 เป็นหนังสือขนาดใหญ่มากความยาว 600 หน้า สนราคา 696 บาท นักอ่านทั่วไปต้องคิดหลายรอบว่าจะซื้ออ่านหรือยืมอ่านตามห้องสมุดดี เมื่อเริ่มต้นอ่านกลับเป็นหนังสือที่อ่านสนุกเพลิดเพลิน ในจินตนาการของดอนกิโฆเต้ ฝันได้ยอดมาก เนื้อเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้โดยย่อกล่าวถึงขุนนางต่ำศักดิ์ผู้สูงอายุ และไร้เรี่ยวแรงคนหนึ่งแห่งแคว้นลามันช่า เขาคลั่งไคล้นิยายอัศวินมาก ถึงกับขายที่ดินจำนวนมากเพื่อหาซื้อนิยายอัศวินมาอ่าน ในที่สุดก็คิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างในนิยายเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง จึงปรารถนาที่จะเป็นยอดอัศวินดังที่ปรากฏในหนังสือที่เขาอ่าน เขาสร้างเกราะและหมวกจากกระดาษแข็ง นำม้าผอมโซตัวหนึ่งมาตั้งชื่อว่าโรสินันเต้ หรือ “ม้าที่เคยทุรลักษณ์”จากนั้นจึงตั้งชื่อของตนใหม่ว่า ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า และเพื่อให้บรรลุอุดมการณ์แห่งอัศวินซึ่งเขาปรารถนา เพื่อกระทำความดีงามทั้งหลายในนามแม่หญิงแห่งดวงใจ เขาจึงได้สมมติเอาหญิงคนหนึ่งที่มีขนหน้าอก แต่มีฝีมือการหมักหมูเค็มอันเลอเลิศ มาเป็นแม่หญิงของตนและตั้งนามใหม่ให้นางว่า ดุล์สิเนอา แห่งโตโบโซ่ โดยนางหาทราบไม่ จากนั้นเขาได้แต่งตั้งอัศวินสำรองนามว่าซานโช่ ปันซ่า ชาวนาผู้หลงเชื่อว่าหากเป็นผู้ติดตามดอนกิโฆเต้ สักวันหนึ่งจะได้ครอบครองที่ดินอันมีน้ำล้อมรอบเป็นรางวัลตอบแทนจากนายของตน ในการเดินทางครั้งนี้ ทั้งสองคนร่วมผจญภัยโดยต่อสู้กับศัตรูร้ายในความคิดของดอนกิโฆเต้ ผ่านเหตุการณ์ผจญภัยส่วนมากเขาจะเป็นผู้แพ้และย้อนกลับอย่างบอบซ้ำ แต่ดอนกิโฆเต้ไม่เคยยอมแพ้ยังคงมุ่งหน้าผจญตามภัยตามจินตนาการของตนเองต่อไป
การผจญภัยครั้งหนึ่งในบทที่แปดดอนกิโฆเต้และซานโช่ได้ไปพบกับกังหังลม ฉบับแปลภาษาไทยเริ่มต้นว่า “ทันใดนั้นสายตาของดอนกิโฆเต้ก็ปะทะเข้ากับภาพกังหันลมสามสิบถึงสี่สิบตัวยืนตระหง่านขวางอยู่กลางท้องทุ่งเบื้องหน้า เขาจึงบอกซานโซ่ว่า “โชคชะตาชักนำให้เราได้พบสิ่งดีเกินคาดฝัน ดูนั้นสิ ซานโซ่ข้างหน้านั้นปรากฎยักษ์โฉดช้าสามานย์สามสิบตนหรือมากกว่า ข้าหมายจะจู่โจมแลสังหารพวกมันให้สิ้น และสรรพสิ่งที่พวกมันพกติดตัวมาจะทำให้เรามั่งคั่งมิพักต้องสงสัย นี้จะเป็นการสัปประยุทธ์ที่เที่ยงธรรม และเป็นการรับใช้พระผู้เป็นเจ้ากำจัดเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้ายไปจากผืนปฐพี” ซานโซ่ย้อนถามว่า “ยักษ์ที่ไหนกันขอรับ ที่เห็นข้างหน้านั่นคือกังหันลมต่างหาก” หากจะพากย์เป็นภาษาฟุตบอลก็ต้องบอกว่า "ดูนั่นสิตอเรส ข้างหน้านั่นคือกังหันลม บุกไปข้างหน้า บุกเข้าไปแล้วยิงประตูให้ได้ เพื่อฝันอันยิ่งใหญ่" แต่ผู้ที่ทำได้กลับเป็นอีเนสต้าจอมลีลาต่างหาก หาใช่บิยาหรือตอเรสไม่
ในวรรณกรรมสเปนมีคนมองเห็นกังหันลมเป็นยักษ์มานานนับสี่ร้อยปีแล้ว แต่ในการแข่งขันฟุตบอลหากนักฟุตบอลทีมชาติสเปนมองเห็นทีมฮอลแลนด์ซึ่งมีสมญานามว่ากังหันสีส้ม กลายเป็นยักษ์ที่ต้องเข้าสัปประยุทธ์ด้วยเหมือนกับที่ดอนกิโฆเต้เคยคิดผลจะเป็นอย่างไร สเปนก็จะบุกตะลุยเข้าไปช่วงแขนของกังหันยักษ์ที่หมุนไปตามแรงลม ผู้ที่บุกก็ต้องบาดเจ็บ เพราะเจ้ากังหันจะคอยสวนกลับ แต่เจ้ากังหันลมก็อาจต้องพังทลายลงได้เพราะการบุกที่ไม่ท้อ ในที่สุดผู้บุกจะมีผลสองอย่างคือสามารถเอาชนะได้และไม่แพ้ยันเสมอเอาไว้ได้ เพราะลูกฟุตบอลอยู่ไกลจากประตูฝ่ายตนเองมากเท่าใดก็ย่อมปลอดภัยมากเท่านั้น
ในที่สุดมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลกก็ได้ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยทีมจากสเปนสามารถกำชัยขนะไว้ได้และได้รับการบันทึกว่าเป็นแชมป์โลกในวงการฟุตบอลครั้งแรกของประเทศ พร้อมกับเงินรางวัลประมาณหนึ่งพันล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การแข่งขันมุ่งเพื่อผลชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ดอนกิโฆเต้แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝันวรรณกรรมเรื่องยิ่งใหญ่แห่งสเปนที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 200 ภาษา หลายคนที่ได้อ่านอาจจะนึกเพียงว่าคนวิกลจริตคนหนึ่งทำไมถึงต้องกลายเป็นวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่ด้วย ดอนกิโฆเต้ มิได้แกล้งบ้าแต่เขาบ้าจริงๆบ้าที่เกิดจากจินตนาการหลังจากที่อ่านหนังสือแนวอัศวินมานาน ในที่สุดเขาก็อยากเป็นอัศวินเสียเอง คนเรามีความฝันและหากทำความฝันให้เป็นความจริงได้ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความฝันที่แท้จริง เขาเดินหน้าตามจินตนาการสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ เหมือนกับที่นักฟุตบอลสเปนก็ใฝ่ฝันมานานว่าสักวันหนึ่งคงได้เป็นแชมป์โลกฟุตบอลเสียที แต่ก่อนมักจะได้ยินแฟนบอลพูดกันเล่นๆว่า “ฟุตบอลทีมชาติสเปนนั้นมักจะเป็นหมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม” มานาน บัดนี้ถึงเวลาเป็นสิงห์ในสนามจริงซะที
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
12/06/53