วันแรม 15 เดือน 8 ปีนี้แปดสองหน เป็นวันพระเข้าพรรษามาได้กึ่งเดือน กิจของพระภิกษุจะต้องลงพระอุโบสถ ฟังพระปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นการทบทวนพระวินัยทุกกึ่งเดือน เดือนหนึ่งมีสองครั้ง นอกจากนั้นก็ยังการทำวัตรสวดมนต์เช้าและเย็น ซึ่งช่วงนี้ถึงแม้จะไม่งด แต่ให้ใช้วิธีรักษาระยะห่างกันไว้ ไม่นั่งใกล้กัน ช่วงบ่ายหลังจากลงอุโบสถเสร็จแล้ว ออกจากอุโบสถ แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตโควิดก็ตามทีเถิด พระสงฆ์ก็ต้องรักษาระยะห่างไว้ รักษาธรรมวินัยไว้ด้วย เป็นเรื่องยากในการอยู่ในยุคนี้ ผู้ที่ไม่ได้วางแผนทางการเงินไว้ก่อนก็ต้องเดือดร้อนมาก ยิ่งผู้ที่ทำงานรายวัน ประเภทหาวันกินวันหรือประเภทหาเช้ากินค่ำ เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน แล้วจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร ครั้นจะหันไปพึ่งคนอื่น เขาก็มีความลำบากไม่แพ้กัน ยุคนี้ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้
เดินผ่านผนังกำแพงรอบอุโบสถโบสถ์ ที่ทางวัดทำเป็นช่องใส่อัฏฐิผู้เสียชีวิต เรียงรายไปตามกำแพง เดินดูเล่นๆ จะมีรายชื่อผู้เสียชีวิตและภาพถ่ายติดไว้หน้าช่องบรรจุอัฏฐิ บางคนเกิดทีหลัง แต่เสียชีวิตก่อน บางคนอายุยังน้อยก็ต้องจากไปก่อน คนที่อายุมากแล้วเสียชีวิตดูจะมีน้อย ที่อายุเกินร้อยปีขึ้นไปมีเพียงไม่กี่คน อายุเก้าสิบปีขึ้นไปพอมีอยู่บ้าง อายุแปดสิบมีจำนวนพอสมควร นอกจากนั้นก็มีอายุเฉลี่ยกันไปเรียกได้ว่ามีทุกเพศทุกวัยและมีทุกช่วงอายุ แต่ที่มีปริมาณมากที่สุดคือระหว่างหกสิบปีถึงเจ็ดสิบห้าปี ก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันว่าทำไมคนในช่วงวัยอายุนี้จึงมีปริมาณการเสียชีวิตมากที่สุด ตอนนั้นนึกถึงสุภาษิตบทหนึ่งในทสรถชาดก ขุททกนิกาย ชาดก (27/1567/287) ความว่า “ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาลทั้งบัณฑิต ทั้งคนมั่งมีทั้งคนยากจน ล้วนบ่ายหน้าไปหามฤตยูทั้งนั้น”แปลมาจากภาษาบาลีว่า
“ทหรา จ หิ เย วุฑฺฒา เย พาลา เย จ ปณฺฑิตา
อทฺธา เจว ทลิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุปรายนา ฯ
มีข้อสงสัยเกิดขึ้นในจิตใจว่า ก็ในเมื่อทุกคนที่เกิดมาแล้วต่างก็ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตายด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะเกิดมาทำไม ไม่เกิดเลยดีไหม แต่เมื่อเกิดมาแล้วควรจะทำอะไรในช่วงเวลาที่ยังมีลมหายใจ
เป็นคำถามธรรมดาที่สุด แต่กลับตอบยาก เมื่อไม่อยากตายก็ไม่ต้องเกิด ไม่เกิดก็ไม่ตาย คำตอบไม่ได้ยากอะไรเลย แต่คำตอบเช่นนี้ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของคนส่วนมาก เพราะทุกคนมักจะมีข้ออ้างว่าจะต้องทำอย่างนั้นจะต้องทำอย่างนี้ บางอย่างเป็นแค่ความคิดไม่เคยได้เกิดขึ้นจริงๆเลย แต่ทว่าข้ออ้างคือเหตุลในการมีชีวิตอยู่ ลองนึกดูนะในช่วงชีวิตหนึ่งเราสูญเสียเวลาที่เป็นของเราจริงๆไปกี่ปี เรามีเวลาที่เป็นของเราจริงๆสักกี่ปี
วัยเด็กเวลาส่วนหนึ่งอยู่ที่โรงเรียน ต้องเรียนหนังสือโดยมีข้ออ้างว่าจะได้ฉลาด มีความวิชาความรู้ติดตัว มีความคิดความอ่าน จะได้นำไปใช้ในการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ เอาเข้าจริงบางคนก็แทบจะไม่ได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาสักเท่าใด เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตจึงหายไปพร้อมกับการเดินทางเข้าใกล้มรณะทุกวัน บางคนอาจจะบอกว่าเป็นการเจริญเติบโต เป็นการพัฒนา แต่ถ้าพิจารณาให้ดี มันคือการเดินทางไปบนเส้นทางที่นำไปสู่จุดหมายปลายทางคือมรณะนั่นเอง ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงในวันเวลาใด
หากพิจารณาให้ดีสาระสำคัญของชีวิต หากตัดจุดเริ่มต้นคือการเกิด และจุดสุดท้ายคือความตายออกไป การเกิดเราพอจะรับรู้ได้จากคำบอกเล่าของบิดามารดา ส่วนการตายเรารับรู้ได้ด้วยตัวเราเอง ดังนั้นเวลาที่เป็นของเราจริงๆ จึงอยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งเส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราเองน่าจะเป็นผู้เลือกเส้นทางชีวิตของเราได้เอง แม้ว่าในช่วงต้นของการเดินทางจะเข้าศึกษาในระบบการศึกษาในภูมิประเทศที่เราอาศัยอยู่คล้ายกัน แต่ปลายทางของการศึกษา แต่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของช่วงชีวิตของเราจริงๆ เพราะตัวเราเองคือผู้เลือกว่าจะทำงานอะไร จะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร ช่วงนี้จึงเป็นเหมือนการเลือกเส้นทางชีวิตที่สำคัญอย่างยิ่ง ถ้าเลือกทางเดินของชีวิตได้เหมาะสมกับสิ่งที่เราอยากเป็น ชีวิตก็พอดำเนินไปอย่างมีความสุข แต่ถ้าเลือกเส้นทางที่ไม่เหมาะกับเรา แต่ที่เลือกเพราะความจำเป็น ชีวิตก็ไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ต้องอดทนไว้ให้มาก เมื่อเลือกไม่ได้ในสิ่งที่อยากทำ ก็ควรทำในสิ่งที่เป็นอยู่
กลับมาถึงกุฏิก็ได้รับข่าวเพื่อพระภิกษุรูปหนึ่ง เป็นเจ้าอาวาส เป็นนักศึกษากำลังศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา เขียนดุษฎีนิพนธ์จบเสร็จ ขอสอบปากเปล่าป้องกันดุษฎีนิพนธ์ในอีกสิบวันข้างหน้า อุบาสก อุบาสิกาเพื่อนสนิทมิตรสหายเตรียมงานฉลองการจบปริญญาเอก แต่กลับต้องเปลี่ยนมาเป็นงานศพแทน เมื่อได้รับข่าวก็รู้สึกเสียดายพลังความรู้ ความสามารถน่าจะทำงานเพื่อศาสนาต่อไปได้อีก อายุก็ยังไม่ถึงหกสิบปี ต้องเดินทางสู่จุดหมายปลายทางคือมรณะเร็วเกินไป
ทุกวันนี้ต้องคอยฟังข่าวว่าจะมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือคนที่รู้จักท่านใดบ้างที่เสียชีวิต เพราะพิษร้ายของเชื้อไวรัสโควิด และยังจะต้องระวังไม่ให้ตัวของเราป่วยด้วยโรคร้ายนี้ แม้ว่าการติดเชื้อแล้วจะรักษาหายได้ แต่ก็ต้องเสียเวลามากจึงจะรักษาหาย และยังมีผลคือการกักตัวตามมาอีก เสียทั้งเวลาและเสียเงินในการรักษา ไม่ติดไม่เกี่ยวข้องกับเชื้อนี้เป็นดีที่สุด กี่คนแล้วที่มาสู่โลกนี้พร้อมข้าพเจ้า ที่จากโลกนี้ไปแล้ว ที่เหลืออยู่มีอีกจำนวนเท่าใด ข้าฯ จะอยู่ในโลกนี้อีกนานเท่าใด เป็นเพียงคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ทุกวันนี้ตัวเราเองก็กำลังเดินทางไปสู่จุดหมายคือมรณะ ซึ่งใกล้เข้าไปทุกวัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
9/8/64