คนยิ่งจนยิ่งมีความฝันมาก โดยเฉพาะฝันที่เป็นยอดนิยมมากที่สุดคือไม่อยากจน อยากร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย สามารถใช้จ่ายซื้อสินค่าได้ตามใจปรารถนา ยิ่งมีมากยิ่งดี แต่สภาพที่เห็นและเป็นอยู่ยังยากจนหาเช้ากินค่ำเหมือนเดิม แค่ได้ฝันก็นับว่ามีความสุข ในห้วงแห่งเวลาที่มีความทุกข์ คิดถึงความสุขไว้บ้างพอทำให้ใจเพลิดเพลิน ความฝันมักจะสวยงามเสมอ ตราบเท่าที่ความจริงยังไม่ปรากฎ
คนรวยเขาจะคิดอย่างไรนั้น เรื่องนี้ไม่รู้จริงๆ เพราะตลอดช่วงชีวิตทั้งที่ผ่านมา ที่กำลังเป็นอยู่ และในอนาคตที่กำลังจะเป็นก็ยังคงเป็นผู้มีสถานะยากจน เรียกว่าจนมาแต่กำเนิด เคยถามตัวเองว่าจนมานานแล้ว ไม่อยากร่ำรวยบ้างหรืออย่างไร คำตอบคือไม่อยากรวยแต่ก็ไม่อยากจน เอาแค่พออยู่พอกินก็น่าจะพอ เป็นคนธรรมดาที่ไม่อาจเรียกขานว่าเป็นคนรวยหรือเป็นคนจน แค่มีกินพออิ่ม ได้ชิมพอดี เป็นหนี้พอประมาณ ทุกข์บ้างในบางครั้ง หวังบ้างในบางครา
ความร่ำรวยเป็นเป้าหมายที่ขายได้ รัฐบาลออกสลากกินแบ่งออกมาก็เพื่อจะขายให้คนอยากรวย เผื่อบางทีอาจจะถูกรางวัลได้เงินหลายล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างความฝันให้แก่คนจน แต่มีน้อยคนมากที่ถูกรางวัลได้เงินล้าน ส่วนมากมักจะเป็นผู้สนับสนุนให้คนอื่นรวยมากกว่า แต่คนทั้งหลายก็ยังมีความฝันเป็นเครื่องชโลมใจ ได้เป็นคนรวยแค่ในฝันก็ยังดี
เพราะอยากเป็นคนร่ำรวยที่ไม่ต้องทำงาน จึงเกิดกระบวนการขายความฝัน บางคนถึงกับไปบนบานศาลเก่าขอให้เทพยดาอารักษ์ช่วยเหลือ บางครั้งก็ได้ บางครั้งก็เสีย เทวดาก็คงไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก แต่ความหวังของเทวดากับมนุษย์คงต่างกัน มนุษย์อยากรวย แต่เทวดาอยากมีความสุข วิธีการก็ต่างกันเทวดาเร่งทำบุญเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข ดังข้อความที่แสดงไว้ในอุปเนยยสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (15/8/3) ความว่า “เทวดาได้กล่าวคาถาในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า “ชีวิตคืออายุมีประมาณน้อย ถูกต้อนเข้าไปเรื่อย เมื่อบุคคลถูกชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีผู้ป้องกัน บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงทำบุญทั้งหลายที่นำความสุขมาให้”
พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบเทวดาตนนั้นว่า “ชีวิตคืออายุมีประมาณน้อย ถูกต้อนเข้าไปเรื่อย เมื่อบุคคลถูกชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีผู้ป้องกัน บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสันติเถิด"
เทวดามีข้อเสนอให้ทำบุญที่นำความสุขมาให้ มนุษย์ทั่วไปหากจะปฏิบัติตามที่เทวดาแนะนำก็เป็นการดีคือมุ่งทำบุญที่จะนำความสุขมาให้ บุญเป็นเสบียง เป็นทางที่จะนำไปสู่ความสุข แต่พระพุทธเจ้ามองข้ามบุญไปอีกคือให้สละละทิ้งสมบัติทั้งหลาย มุ่งปฏิบัติตนเพื่อสันติสุข
มนุษย์ต้องมีสิ่งที่เป็นเหมือนสะพานข้ามไปสู่ความสุขอีกทอดหนึ่ง เมื่อโลกสมมุติว่าเงินคือสะพานที่นำไปสู่ความสุข ต่างฝ่ายก็เร่งหาเงินให้ได้มากที่สุด แต่คำสอนในพระพุทธศาสนาสอนให้ละทรัพย์สมบัติแล้วมุ่งสู่สันติสุขภายใน
ความสุขที่ยังต้องพึ่งอามิสภายนอก อยากได้อะไรก็ซื้อมาเพื่อตอบสนองความต้องการ ได้อย่างหนึ่งก็มักจะได้อีกอย่างหนึ่ง ความพอไม่เคยเติมได้เต็มสักครั้ง ความพอของมนุษย์ดูเหมือนจะเป็นแค่ถ้อยคำที่ใช้อ้างในยามที่อยากได้แล้วไม่ได้ตามความอยาก การวิ่งตามความอยากยากจะตามให้ทัน
แต่เมื่อยังปารถนาจะมีทรัพย์สินเงินทอง ก็ต้องทำงานให้ถูกทาง ความขยันต้องทำให้ถูกที่ถูกเวลาด้วย ชีวิตของมนุษย์ไม่ได้ยืนยาวมากนัก มาอาศัยโลกนี้อยู่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ จะคิดทำอะไรก็ต้องทำให้ถูก ทำให้ดีไว้ก่อน บางคนทำผิดครั้งเดียวแต่ถูกจองจำทั้งชีวิต เรามีเวลาจำกัดจะจากไปเมื่อใดก็ไม่อาจจะรู้ได้ล่วงหน้า หากเชื่อถ้อยคำของเทวดาก็ต้องทำบุญให้มาก แต่ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็ต้องละทรัพย์สินเงินทองอีกทั้งสิ่งของทั้งหลายามุ่งเข้าสู่ความสงบสันติ แต่เมื่อยังไปไม่ถึงก็ต้องยอมรับสภาพที่จะต้องพบ ทุกข์บ้างในบางครั้ง มีความหวังบ้างในบางคราว
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
02/04/64