เวลาทำหน้าที่อย่างซื่อตรงมาเป็นเวลานานมากแล้ว สว่างแล้วมืด มืดแล้วกลับมาสว่างอีก ประเด่ญวเป็นกลางวัน ผ่านไปอีกไม่นานก็เปลี่ยนเป็นกลางคืน เวลาเดินไปตามปรกติ แต่ทำไมในความรู้สึกดูเหมือนกับว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เผลอนิดเดียวผ่านครึ่งปีไปแล้ว เข้าพรรษาก็พึ่งผ่านไปเจ็ดวัน อีกไม่กี่วันก็ออกพรรษาอีกแล้ว วัฏฏจักรของเวลาเป็นไปดั่งนี้ ชีวิตก็เฉกเช่นเดียวกันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หากไม่รีบทำอะไรในช่วงที่ยังมีลมหายใจ บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่มุ่งหวังไว้อีกเลย
วันธรรมสวนะปรกติก็จะห่างกันเจ็ดวัน ในหนึ่งเดือนมีวันธรรมสวนะสี่วัน หากจะบอกว่าวันพระมีไว้ให้พิจารณาตนว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นได้ทำความดีอะไรบ้าง หรือมีความชั่วใดบ้างที่พยายามแทรกเข้ามาในชีวิต ในห้วงแห่งการตัดสินใจเราได้เลือกทางที่ถูกหรือเลือกทางผิดแล้วในอนาคตจะมีวิธีในการแก้ไขปัญหาประเภทนี้อย่างไรบ้าง
ชีวิตข้าพเจ้าหากจะเทียบกับวันเวลาก็เหมือนเวลาได้ผ่านเที่ยงวันไปแล้ว อาจจะถึงบ่ายโมงหรือบ่ายสองโมงแล้ว เหลือเวลาอีกเพียงสี่ห้าชั่วโมงดวงตะวันแห่งชีวิตก็ใกล้เวลาลาลับแล้ว อีกไม่นานก็คงถึงเวลาที่จะต้องเอ่ยคำลา แม้ว่าเราจะไม่อยากจากไปก็จำเป็นต้องลาจากไปจนได้ เหมือนดวงตะวันที่แม้หากจะไม่อยากลาจากขอบฟ้า แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องไปเหมือนกัน
เมื่อก่อนคิดไวทำไว คิดได้แล้วรีบทำ แต่พอถึงช่วงเวลาหนึ่งเริ่มคิดช้า แต่ก็ยังพอทำได้ แต่พอมาถึงปัจจุบันคิดก็ช้า ทำก็ช้า บางวันคิดไว้ตั้งหลายเรื่อง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำสักเรื่อง มิใช่แค่คิดช้า บางวันคิดมาก แต่ทำน้อย มีบ้างในบางวันที่มีงานรัดตัว แทบไม่มีเวลาคิด แต่ลงมือทำ พองานเสร็จก็หมดทั้งแรงกายและแรงใจ หลับใหลไปตามห้วงแห่งราตรี หรือบางวันเผลอหลับตอนกลางวันก็มี
ชีวิตนี้ก้าวผ่านวันเวลามาพอสมควรแล้ว การเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งที่ควรจะได้ ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ยศฐาบรรดาศักดิ์แม้จะมีเพียงน้อยนิดแต่ก็เคยมีอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นห้วงแห่งเวลาที่แม้ไม่อยากจะได้แต่ก็ได้ และได้มาก็ผ่านไปเหมือนดั่งสายลมที่พัดผ่าน
งานในปัจจุบันอยู่ในช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตแล้ว สอนหนังสืออาทิตย์ละสี่วัน อีกสามวันเป็นการเตรียมตัวในการสอนหรือเตรียมการสอน หากเป็นวิชาที่เคยสอนมาก่อนก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงจัดกระบวนทัศน์ใหม่ หาข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยจากนั้นก็ใช้ประสบการณ์แปรเปลี่ยนตามสถานการณ์
การทำงานในช่วงนี้จึงเป็นเหมือนการทบทวนความทรงจำในอดีต ใช้วิชาการเป็นหลัก ใช้ประสบการณ์เป็นส่วนเสริม ชีวิตไม่ได้ยุ่งยากอะไรแล้ว ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะไม่รู้จะหาเงินมาทำอะไร มีไว้เพียงแค่พอใช้ในสิ่งจำเป็นเท่านั้น
ได้แต่บอกกับตนเองว่าพอแล้วนะ หาที่สงบเป็นที่พักใจได้แล้ว ทำงานเพื่อคนอื่นมามากแล้ว ทำงานเพื่อตนเองบ้าง เป็นงานเพื่อหาที่พักใจในห้วงแห่งกาลเวลาที่กำลังจะจางหายไปจากโลกนี้ คิดถึงพุทธภาษิตที่พระพุทธองค์แสดงไว้ในในคิลานสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค (19/711/205) ความว่า “เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด” แปลมาจากภาษาบาลีว่า “อตฺตทีปา วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา ฯ
คำว่า “เกาะ” ในคาถานี้ ท่านอธิบายไว้ในอรรถกถาว่า “เธอทั้งหลายจงทำตนให้เป็นเกาะคือเป็นที่พึ่งอยู่เถิด เหมือนคนอยู่ในมหาสมุทร ทำเกาะอาศัยอยู่ฉะนั้น” คิดถึงทะเลที่มองไปทางไหนมีแต่น้ำ หาที่พึ่งพิงไม่ได้เลย แต่หากพบเกาะสักแห่งนั่นหมายถึงจะเป็นที่พักพิงได้บ้าง ตนก็เหมือนกันจะไปพึ่งใครได้นอกจากสร้างเกาะขึ้นมาในจิตให้เป็นที่พึ่งของตนเองได้
ส่วนคำว่า “ธรรม” ในคาถานี้ ท่านอธิบายไว้ว่า “ธรรมหมายถึงโลกุตรธรรมธรรมอันมิใช่วิสัยของโลก สภาวะพ้นโลก 9 อย่างคือมรรค 4 ผล 4 และนิพพาน ธรรมที่สามารถเป็นที่พึ่งนอกจากโลกุตตรธรรมที่เป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังมีธรรมอย่างอื่นที่เรียกว่าโลกิยธรรม ธรรมที่ประคองตนให้สามารถอยู่ในโลกได้อย่างผาสุก
ตัวตนของตนแม้จะมีอยู่จริง แต่แท้จริงแล้วชีวิตที่มีอยู่ก็เหมือนไม่มี โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่งฉันใด ชีวิตและลมหายใจของแต่ละคนก็ไม่เคยหยุดอยู่กับห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งเหมือนกัน แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเหมือนโลกที่ไม่เคยหยุดหมุน เราจะมองเห็นหรือไม่เท่านั้นเอง หมั่นพิจารณาไตร่ตรองมองตนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มีอยู่และจะต้องทอดทิ้งร่างวางขันธ์ไปในเวลาอีกไม่นาน สร้างเกาะหาที่พึ่งพิงสำหรับตนไว้น่าจะเหมาะที่สุดในห้วงแห่งเวลาที่เหลืออยู่ มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง เตรียมเสบียงกุศลไว้ในเวลาจากลา
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
25/07/62