ขยะกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ที่มีความเจริญ บ้านเมืองไหนที่มีความเจริญมาก มีผู้คนอาศัยมาก บ้านนั้นเมืองนั้นมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับขยะ หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอ ก็มักจะประสบปัญหาขยะล้นเมือง วิธีจัดการกับขยะก็แล้วแต่ละเมืองจะจัดการ เผาบ้าง ฝังบ้าง คัดแยกเพื่อนำขยะกลับมาเป็นวัตถุดิบผลิตอย่างอื่นเป็นต้น แต่ยังมีบางเมืองที่มีวิธีจัดการกับขยะที่ได้ผล จนกลายเป็นเมืองที่ไม่มีขยะ เมืองนั้นอยู่ในหุบเขา มีชื่อเรียกขานว่า "ชิราคาวาโก"
ในช่วงชีวิตหนึ่งคงต้องมีสักครั้ง หรือหลายครั้งที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมีความแตกต่างจากประเทศบ้านเกิด บางคนอาจจะเคยเดินทางไปต่างประเทศด้วยการท่องเที่ยว โดยอาศัยการบริหารจัดการจากบริษัทท่องเที่ยว ซึ่งเราแทบจะไม่ต้องจัดการอะไรเลย มีเพียงหนังสือเดินทางและจ่ายค่าเดินทางตามที่เขากำหนดก็สามารถเดินทางไปได้แล้ว แต่ถ้าจะต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวคนเดียวจะทำอย่างไร หากมีความชำนาญก็คงไม่ยาก แต่ถ้าหากการเดินทางนั้นต้องไปคนเดียว ไปในประเทศที่ไม่เคยไป คงต้องตื่นเต้นพอสมควร
ขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศครั้งแรกคือประเทศญี่ปุ่น ไปในโครงการเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยและวัดในญี่ปุ่น อาศัยบารมีของพระเดชพระคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง และศาสตราจารย์แสง จันทร์งาม ญี่ปุ่นต้องการเชิญพระภิกษุ 2 รูปและมีผู้ติดตาม 1 คน ช่วงนั้นพึ่งเข้ามาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่ได้ไม่นาน ในวันเดินทางผู้ใหญ่ทั้ง 2 ท่าน เกิดมีภารกิจสำคัญ ไม่สามารถเดินทางไปได้ ครั้นจะยกเลิกก็คงไม่เหมาะ เพราะกำหนดการได้วางไว้หมดแล้ว จำเป็นจะต้องไปในนามของหลวงพ่อและอาจารย์แสง เดินทางคนเดียวโดยไม่มีผู้ติดตาม มีเงินติดตัวไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท ชีวิตอ้างว้างโดดเดี่ยวจริงๆ
เรื่องของเรื่องคือมีอาจารย์จากญี่ปุ่นท่านหนึ่งมาสอนที่เชียงใหม่ ได้เชิญหลวงพ่อและอาจารย์แสง และพระผู้ติดตามอีก 1 รูป บังเอิญทั้งสองท่านเลือกพระมหาบุญไทยให้เป็นผู้ติดตาม ให้ไปเยี่ยมประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสามเมืองคือโตเกียว เกียวโต โอซาก้า วิทยาลัยอีกหลายแห่งและวัดอีกหลายวัด ตอนนั้นทำหนังสือเดินทางไม่ยาก แต่ขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นยากมาก ต้องมีหนังสือเชิญ มีค่าใช้จ่ายเพียงพอที่จะอยู่ในญี่ปุ่น มีผู้รับรอง มีที่พักที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ละเอียดมาก กว่าจะได้วีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องดำเนินการหลายวัน
ปัจจุบันญี่ปุ่นเปิดเสรีในการเดินทาง ไม่ต้องมีวีซ่า มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินก็ขึ้นเครื่องบินไปได้เลย นอกจากนั้นยังมีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศคือการซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงที่เรียกว่า “JR PASS” ซื้อจากประเทศไทย แต่ไปแลกบัตรที่ญี่ปุ่น สนราคาขึ้นอยู่กับวันเวลาในการเดินทาง เริ่มต้นจากเจ็ดวันราคาประมาณ 8000-9000 บาท สามารถขึ้นรถไฟไปได้ทั่วญี่ปุ่น หากจะเพิ่มวันเวลาราคาก็จะเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งหากคำนวนราคารถไฟความเร็วสูงในญี่ปุ่นแล้วต้องบอกว่าค่อนข้างจะแพง
จากครั้งแรกจนถึงปัจจุบันผู้เขียนเดินทางไปญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว ส่วนมากจะไปกันเองสองสามคน แล้วแต่จะชวนกันได้ พักที่วัดไทยในเมืองโตเกียว ปัจจุบันมีถึงสามหรือสี่วัด มีตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ซื้อตั๋วรถไฟหนึ่งใบ ก็สามารถเดินทางไปได้ในสถานที่ที่รถไฟไปถึง หากอยู่นอกเส้นทางก็ต้องซื้อบัตรรถโดยสารประจำท้องถิ่น บัตรเดียวใช้ได้ทั้งรถไฟ รถยนต์ หรือแม้แต่ซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าก็ใช้บัตรซื้อได้แทบทุกร้าน หรือแม้แต่ตู้ขายน้ำดื่มตามริมทางก็สามารถใช้ได้เลย การดำเนินชีวิตและการเดินทางในญี่ปุ่นแค่มีบัตรรถไฟ และบัตรอีกสักใบก็ไปได้ทั่วประเทศ ข้อควรจำประเทศนี้รถไฟ รถยนต์โดยสารเข้าออกตรงเวลามาก ช้าเพียงหนึ่งนาทีก็อาจพลาดการเดินทางได้
เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ไปในงานของวัดไทยในญี่ปุ่น ไปกันเอง ศึกษาเส้นทางกันเอง มีวัตถุประสงค์นอกเหนือจากงานวัดแล้วคือเมืองชิราคาวาโก เมืองมรดกโลก ชื่อเสียงของเมืองนี้คือการรักษาสภาพของเมืองโบราณที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปีไว้ได้ มีบ้านทรงกัสโซ่ รูปทรงคล้ายคนประนมมือ หลังคาสูงมุงด้วยหญ้า เป็นเมืองโบราณที่อยู่ท่ามกลางกระแสแห่งความเจริญ
เขารักษาสภาพบ้านไว้ได้ค่อนข้างดี หมู่บ้านธรรมดา ดำเนินชีวิตตามธรรมดา มีถนนเส้นเดียวตัดผ่านใจกลางเมือง รถราก็ไม่ค่อยมี นอกจากนั้นก็จะเป็นซอยเล็กซอยน้อยเข้าออกตามบ้านเรือนของชาวบ้าน ซึ่งยังคงยึดอาชีพทำไร่ ทำนา มีคูคลองน้ำใสไหลผ่าน นาข้าวเขียวชอุ่ม พืชผักอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชีพขายของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยวเพิ่มเข้ามาอีก
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือการจัดการเรื่องขยะ เมืองท่องเที่ยวโดยทั่วไปจะต้องมีขยะเต็มเมือง เพราะนักท่องเที่ยวต้องกินต้องใช้ แต่วิธีที่เมืองชิราคาวาโกจัดการกับขยะเป็นเรื่องที่ง่ายจนแทบจะคิดไม่ถึง เขาเตือนตั้งแต่อยู่บนรถโดยสาแล้วว่า "เมืองนี้ห้ามเดินสูบบุหรี่ เมืองนี้ไม่มีที่ทิ้งขยะ" ใครนำอะไรเข้าไปก็ต้องนำกลับไปทิ้งเอง เช่นน้ำดื่มเมื่อดื่มหมดแล้วก็ต้องถือขวดเปล่าออกมาทิ้งนอกเมืองซึ่งมีที่ไว้สำหรับขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ ส่วนขยะอื่นๆต้องนำไปทิ้งในที่ที่คุณถือเข้ามา
เมืองนี้ไม่มีที่ทิ้งขยะ ไม่มีป้ายห้ามทิ้งขยะ ใครทิ้งขยะจะโดนจับ มีโทษสูงมาก อาจจะห้ามเข้าเมืองนี้หลายเดือนหรือห้ามเข้าตลอดไป หรืออาจจะมีผลถึงการห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่น เมื่อไม่มีที่ให้ทิ้ง ขยะที่ใช้แล้วก็ต้องใส่กระเป๋าแบกกลับมาเหมือนเดิม
แต่ก็ยังกรณียกเว้นหากซื้อจากที่ใดให้ทิ้งที่นั่น เช่นที่ร้านอาหารกินอิ่มแล้วอย่าได้ถืออะไรออกไป น้ำก็ต้องดื่มให้หมด ทิ้งขวดเปล่าไว้ หากนำไปด้วยก็ต้องหาที่ทิ้งเอาเอง
เมืองนี้แม้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีขยะให้เห็นเลย เพราะไม่มีถังขยะ เศษก้นบุหรี่ก็ไม่มี เพราะต้องสูบในที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น เมืองนี้จึงจัดอยู่ในเมืองที่สะอาดเมืองหนึ่งของโลก เป็นเมืองที่ไม่มีขยะ เมื่อไม่มีที่ทิ้งขยะ ขยะก็ไม่มี
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
06/09/61