ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

           ครั้งแรกที่มองเห็นทุ่งนาใกล้ๆกับเจดีย์บรมพุทโธ  อินโดนีเซียในช่วงที่ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า บัดดลนั้นกลับนึกถึงเพลงๆหนึ่งที่เคยได้ยินมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นหนุ่ม “มองลิบลิ่วแถวทิวพนา ใกล้ย่ำค่ำสนธยาหมู่นกกาก็คืนสู่รัง”  ภาพของชาวนาที่เสร็จสิ้นภารกิจในการทำงานตลอดทั้งวันและพากันเดินกลับบ้าน “คุณพ่อเดินหน้า เราพากันเดินกลับบ้าน ท้ายสุดนั้นคือแฟนฉัน เมื่อก่อนนั้นรักปานจะกลืน” นักประพันธ์เพลงนี้ช่างสรรหาถ้อยคำที่ทำให้มองเห็นภาพของชาวนา ที่แม้จะทำงานหนัก แต่พอถึงเวลาคืนกลับสู่เคหสถานกลับมีบรรยายของความสุข เป็นความสุขของชาวไร่ชาวนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่ายและธรรมดาอย่างยิ่ง

           ปัจจุบันภาพอย่างนั้นได้แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ฝูงวัวควายเลาะเล็มหญ้าตามท้องทุ่งที่เคยชินตาในอดีต กลับเป็นภาพที่หายาก เพราะได้มีเครื่องจักรเข้ามาทำหน้าที่แทน  ท้องทุ่งที่เคยมีฝูงควายเป็นเพื่อนก็มีรถไถนามาทดแทน ควายที่เคยไถนาก็ได้กลายเป็นสัตว์อนุรักษ์ไปแล้ว
           อาจจะเนื่องเพราะไม่ค่อยได้เดินทางไปยังท้องทุ่งบ่อยนัก จึงไม่ค่อยได้เห็นภาพเก่าๆในอดีตที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบันคือรถยนต์เต็มท้องถนนที่นำพาผู้คนกลับคืนสู่เคหสถาน สภาพที่การจราจรติดขัดจนชินตา อดีตกลับปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมากตามยุคสมัย เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน วิถีชีวิตก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย สรรพสิ่งล้วนต้องมีความผันแปรไปตามวันเวลา

           ผู้เขียนเป็นลูกชาวนาขนานแท้ บรรพบุรุษล้วนประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา แต่ไม่ได้ทำนามานานกว่าสามสิบกว่าปีแล้ว หากไม่เดินออกมาจากวิถีชีวิตนั้น อนาคตก็น่าจะดำเนินรอยตามอาชีพของบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วางแผนอนาคตหรือเป้าหมายในชีวิตอันใดไว้ แต่ทว่าพ่อก็ได้ส่งให้เรียนหนังสือจนพอมีความรู้อยู่บ้าง จากนั้นก็นำความรู้นั้นมาเป็นฐานในการศึกษาจนสามารถเรียนจบชั้นสูงสุดของระบบการศึกษาในเมืองไทย จากอนาคตที่น่าจะเป็นชาวนาเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแทน
           ชีวิตที่ผ่านมากับชีวิตที่เหลืออยู่จึงเป็นเหมือนการเดินสวนทางกับอดีต เป็นอดีตของลูกชาวนา ปัจจุบันไม่ได้ทำนา แต่ทำงานในห้องสี่เหลี่ยม มีอาชีพสอนหนังสือ ซึ่งก็เป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข เป็นความสุขที่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่เคยศึกษามาให้แก่คนอื่น เป็นความสุขของการเป็นผู้ให้
           วันหนึ่งกลางเดือนพฤษภาคม ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมประชุมคณะสงฆ์อินโดนีเซีย ที่เมืองเปอกันบารู เมื่อประชุมเสร็จเจ้าภาพก็พาไปเยี่ยมชมเจดีย์บรมพุทโธ มหาเจดีย์ที่เป็นศาสนสถานของพระพุทธศาสนา อันเป็นการบ่งบอกว่ากาลครั้งหนึ่งในอดีตพระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้มาก่อน แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป ความเชื่อเปลี่ยนไปสิ่งที่เคยยิ่งใหญ่ก็ถูกปรับเปลี่ยนจนผู้คนได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาใหม่ แต่ทว่าอนุสรณ์สถานไม่อาจลบล้างและทำลายได้หมดสิ้น จึงยังคงหลงเหลือไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษา

           เป็นขบวนเดินทางที่ไม่มีผู้นำทาง ไม่มีวิทยากรบรรยาย จะมีก็เพียงพระภิกษุชาวอินโดนีเซียสองรูปกับพระธรรมทูตไทยอีกสองสามรูปที่คอยจัดตารางการเดินทาง ซึ่งก็ทำงานกันได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร เพราะสถานที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากนัก เช้าไปที่เจดีย์บรมพุทโธ ภาคบ่ายไปที่เจดีย์เมนดุด ตอนเย็นก็กลับมาพักที่สำนักสงฆ์ที่อยู่ใกล้กับเจดีย์นั่นเอง
           มีช่วงเวลาหนึ่งที่พระธรรมทูตไทยที่จำพรรษาอยู่ที่อินโดนีเซียมานานเสนอว่า “วันนี้ยังมีเวลาหากใครอยากจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่บริเวณเจดีย์ขอเชิญได้ ส่วนใครที่ต้องการพักผ่อนก็จะพาไปส่งที่วัดก่อน”
           เมื่อได้ฟังกำหนดการอย่างนั้นทุกคนก็รีบขึ้นรถมุ่งหน้าสู่เจดีย์ทันที ไม่มีใครอยากกลับวัดในตอนนั้นเลย ทางเข้าไปชมพระอาทิตย์ในวันนั้นต้องขออนุญาตโรงแรมซึ่งอยู่ติดกับเจดีย์ ขณะนั้นทางโรงแรมกำลังจัดงานใหญ่นิมนต์พระสงฆ์จากทิเบตมาทำพิธีภายในโรงแรม พระสงฆ์ไทยเลยได้อานิสงส์ผ่านสะดวก
           มองดูดวงอาทิตย์ที่สถิตอยู่เหนือองค์เจดีย์ คงต้องรอเวลาอีกไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ไม่อยากไปนั่งรอ จึงถือกล้องชวนเพื่อนพระภิกษุเดินเล่นไปทางทุ่งนาที่มีทิวไม้บดบังสายตาทำให้มองทัศนียภาพไม่ค่อยชัด แต่พอผ่านเงาไม้ไปก็ได้พบกับบรรยากาศของวิถีชีวิตชาวนา

           ทุ่งนาที่ชาวนากำลังปักดำ ข้าวกล้าบางส่วนยังมีสีเขียวอ่อนๆรอวันเวลาที่จะงอกเงยและแตกใบออกรวงในวันข้างหน้า ชาวนาเดินไปตามคันนา เรียงแถวดุ่มเดินไปตามจังหวะชีวิต หลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ได้เวลากลับคืนสู่สถานบ้านเรือน ควันไฟยังกรุ่นโรยตัวขึ้นเหนือหลังคาที่บ้าน ใครสักคนกำลังหุงหาอาหารเพื่อรอคนที่ทำงานหนักกลับมาร่วมวงอาหารเย็น
           ฉากหลังหมู่บ้านเป็นทิวเขาสูงตระหง่าน ฝูงนกโผผินบินจรร่อนปีก รอเวลาตะวันลับฟ้าจะได้กลับคืนสู่รวงรัง บางตัวลูกน้อยคงกำลังตั้งตารออาหารจากพ่อแม่  เบื้องหน้าบริเวณเชิงเขายังมองเห็นยอดเจดีย์อันเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา มีชีวิตมีความเชื่อ ดำเนินชีวิตไปตามธรรมดาไม่แข่งขัน ไม่วุ่นวาย ดำรงอยู่ตามอัตภาพ เป็นวิถีชีวิตธรรมดาสามัญที่แสนจะเรียบง่ายแต่ทว่ากลับงดงาม  
           ชีวิตของสรรพสัตว์ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จะเอาอะไรกันนักหนากับชีวิต จะแก่งแย่งแข่งขันกันไปทำไม มีพออยู่พอกินก็น่าจะเพียงพอ ชีวิตชาวนาคงไม่ค่อยมีใครร่ำรวย แต่เป็นชีวิตที่มีความสุข มีข้าวกินมีดินอยู่ มีอู่นอน ไม่สร้างปัญหาให้ใครเดือดร้อน

           การทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลง หลายสิ่งก่อกำเนิดขึ้นในขณะที่อีกหลายสิ่งกำลังเสื่อมสลายไป เป็นธรรมดาของโลก แม้หากโลกจะแตกสลายไปในชั่วขณะนี้ ก็ไม่เดือดร้อนใจ พร้อมที่จะอยู่และพร้อมที่จะไปได้ทุกเมื่อ  แม้จะมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็เพียงพอแล้ว ผู้ที่มีชีวิตแล้วพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐแล้ว ดังที่แสดงไว้ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท สหัสสวรรค(25/18/30)ความว่า  “ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและเสื่อมไป มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่าบุคคล ผู้ไม่พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี”
           แปลมาจากภาษาบาลีว่า “โย จ วสฺสสตํ ชีเว         อปสฺสํ อุทยพฺพยํ          
                                            เอกาหํ  ชีวิตํ เสยฺโย      ปสฺสโต อุทยพฺพยํ”
           การเกิดขึ้น ดำรงอยู่และเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาของโลก ใครที่หมั่นพิจารณาย่อมเห็นความจริงแท้ของสรรพสิ่ง ดูแต่เจดีย์บรมพุทโธนั่น ที่เคยเจริญรุ่งเรืองในยุคสมัยหนึ่ง ผู้คนมีศรัทธายิ่งใหญ่ได้สรรสร้างเจดีย์ไว้ แต่ปัจจุบันกลายเป็นซากแห่งอดีตที่เหลือไว้แต่ความทรงจำว่ากาลครั้งหนึ่งพระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้  

           ดวงอาทิตย์กำลังจะโบกมือลาขอบฟ้า ส่องแสงเป็นประกายสะท้อนกับจอดเจดีย์เกิดเป็นเงามะลังมะเลืองเหมือนภาพวาดของจิตกรเอกที่ยังเติมสีไม่เสร็จ เงาของเจดีย์สะท้อนกับแสงอาทิตย์เกิดเป็นเงาดำทะมึนเหมือนโลกกำลังจะถูกกลืนหายไปกับความมืดมิด มองดูเข้าขลังทรงพลังน่าศรัทธา น่าค้นหา แต่พอหันกลับมามองภาพของชาวนาธรรมดาสามัญที่กำลังเดินกลับเรือนนอนกลับดูงดงาม สดใส ไร้มายา เป็นความเรียบง่ายของการดำเนินชีวิต ทุ่งนาผลิตข้าวเป็นพลังหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนเจดีย์ให้จิตวิญญาณ มีชีวิตและจิตวิญญาณ ชีวิตก็ดำเนินต่อไปอย่างมีความสุขแล้ว

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
19/05/58

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก