ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai


 เริ่มที่อานันทเจดีย์แต่ไม่มีจุดจบ

               วัดแรกที่ได้ยลคืออานันทวิหาร ตามประวัตกล่าวไว้ว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าจันสิตตาหรือพระเจ้าครรชิต สาเหตุที่สร้างเพราะความเมตตาจากพระสงฆ์จากอินเดีย 8 รูปซึ่งลี้ภัยจากการกดขี่ของฮินดูมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและได้พรรณาถึงพระอารามที่ภูเขานันทมูลในอินเดีย จนเป็นแรงบันดาลใจให้พระเจ้าจันสิตตาสร้างวิหารขึ้นในปีพุทธศักราช 1634 ตามแบบวัดนันทมูลและพระราชทานนามว่าอานันทวิหาร และอีกนัยหนึ่งอาจจะมาจากคำว่า “อนันต์” อันบ่งบอกถึงว่าวิหารนี้จะคงอยู่คู่พุกามเป็นนิรันด์รตลอดอนันตกาล  หรือมาจากนามของพระอานนท์พุทธอุปัฏฐาก  อานันทวิหารเป็นพระเจดีย์ที่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีมุขยื่นทั้งสี่ทิศ ประตูทางเข้าเป็นประตูโค้ง  สองข้างทางมีร้านค้าขายของที่ระลึก ด้านนอกมีสระน้ำทั้งสี่ด้าน หากมองที่ขอบสระสามารถเห็นเงาสะท้อนของวิหารได้อย่างชัดเจน อันจะเกิดความงามอย่างประหลาด ความรู้เรื่องสระน้ำนี้ต้องจ่ายเงินหนึ่งพันจั๊ตเพื่อซื้อภาพเจดีย์ในพุกามจากเด็กพม่านามว่าหม่องจาโม  แต่วันที่ได้ไปดูนั้นอากาศร้อนมาก ต้องเดินเท้าเปล่ากลางเปลวแดดไปยังสระน้ำ ช่างเป็นความทรมานที่เปี่ยมสุข

              ด้านในองค์เจดีย์ องค์วิหารมีความกว้างด้านละ 61 เมตรสูง 51 เมตร ภายในเป็นอุโมงค์เดินถึงกันได้โดยรอบ ภายในองค์เจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนแกะสลักจากไม้สูง 9.50 เมตรทั้งสี่ด้านอันหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่คือด้านทิศเหนือได้แก่พระกกุสันโธพุทธเจ้า  ทิศตะวันออกพระโกนาคมน์พุทธเจ้า ทิศใต้คือพระกัสสปพุทธเจ้า ที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าพระยิ้มพระบึ้ง เพราะถ้ามองห่างๆจะเห็นเหมือนท่านกำลังยิ้ม แต่พอเข้าใกล้พระพักตร์ท่านกลับเรียบเฉยเหมืออยู่ในสมาธิ  ส่วนทิศตะวันตกคือพระโคตมพุทธเจ้า 
              เจดีย์องค์แรกพอจดจำจากการบรรยายและอ่านจากป้ายประวัติของวัดได้ แต่พอวัดต่อๆไปเริ่มมึนงงสับสนได้แต่ถ่ายภาพจากป้ายหน้าวัดซึ่งด้านหน้าเป็นภาษาพม่า แต่มีลูกศรเล็กที่ดานข้างแผ่นป้ายว่าภาษาอังกฤษอยู่ด้านหลัง ทำให้อดนึกไม่ได้ว่าบ้านนี้เมืองนี้ช่างรังเกียจอังกฤษเสียจริง แม้แต่ภาษาก็ไม่อยากจะนำมาแสดงไว้ด้านหน้า 


              มีใครบางคนในคณะถึงกับถ่ายภาพเจดีย์พินยาทุกแง่มุม เพราะท่านบอกว่าได้คำตอบแล้วว่ายอดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ที่สมบูรณ์ควรจะเป็นอย่างไร เพราะรูปทรงเจดีย์ทุกอย่างคล้ายคลึงกัน ผิดกันแต่ว่าเจดีย์หลวงไม่มียอด แต่เจดีย์พินยามียอดที่สมบูรณ์ หากคิดจะบูรณะซ่อมแซมควรยึดตามแบบเจดีย์พินยาในพุกาม  
              การเที่ยวชมเจดีย์ในพุกามนั้นปัจจุบันมีให้บริการหลายทางเช่นรถยนต์ นั่งรถม้า ปั่นจักรยาน มอเตอร์ไชด์และวิธีหนึ่งที่ย้อนยุคมากที่สุดคือนั่งเกวียนชมเจดีย์  บางแห่งต้องอาศัยช่วงเวลาจึงจะเกิดความงามเช่นเจดีย์ชเวซันดอ ต้องดูช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกจะงดงามเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าได้ขึ้นไปบนเจดีย์แล้วมองลงมาพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนลงทางทิศตะวันตก แสงสีทองค่อยๆจางหายไป เงาทะมึนแห่งเจดีย์เหมือนหนึ่งกำลังสถิตย์อยู่อยู่ในสรวงสวรรค์วิมาน


              วัดสถูปเจดีย์จำนวนมากเหล่านี้หากจะเข้าชมพร้อมทั้งศึกษาประวัติคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีแต่เรามีเวลาเพีบยงหนึ่งวันครึ่งจึงเข้าชมได้เพียงบางแห่งเช่นอานันทเจดีย์ เจดีย์ธาตุพินยา เจดีย์จุฬามณี  เจดีย์ธัมมยันยี เจดีย์ชเวซันดอร์  เจดีย์โลกนาถ  เจดีย์มนูหะ เจดีย์พูพยา พระอุโบสถอุปาลี และเจดีย์ชเวสิกองฯลฯ การท่องทัศนาดงเจดีย์ในครั้งนี้สุดท้ายเลยจำไม่ได้ว่าไปชมเจดีย์ใดบ้าง ใครเป็นผู้สร้าง และสร้างเมื่อปีพุทธศักราชเทาใด ได้แต่ถ่ายภาพประวัติของเจดีย์แต่ละแห่งเก็บไว้  และการเที่ยวชมในครั้งนี้สิ้นสุดลงที่เจดีย์องค์ไหน จำได้เพียงจุดเริ่มต้นที่อานันทเจดีย์  จึงเป็นการท่องเจดีย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดดุจดั่งเป็นอนันตกาลนั่นแล

              อาณาจักรพุกามมีอำนาจอยู่ราว 243 ปี และสิ้นอำนาจลงเมื่อปีพุทธศักราช 1830 ตรงกับรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งราชวงศ์สุโขทัย  พระสงฆ์มักจะมีอิทธิพลควบคู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด แม้แต่ฝรั่งก็ยังมีบันทึกไว้ว่า  “สถาบันคู่ขนานของรัฐบาลพม่าคือความเชื่อในพระพุทธศาสนาและคณะพระสงฆ์ ตามปกติสถาบันนี้จะอยู่ในฐานะที่ด้อยกว่า แต่เมื่อใดที่รัฐอ่อนแอ สถาบันนี้ก็จะอยู่ในฐานะที่ท้าทายอำนาจรัฐทันที ทั้งนี้เพราะสถาบันสงฆ์ใกล้ชิดประชาชนมากกว่าและไม่มีท่าทีคุกคามอีกด้วย ดังนั้นแม้ราชวงศ์จะเปลี่ยนไปเช่นไร ในพม่าตอนกลางสถาบันสงฆ์เปรียบเสมือนสถาบันที่รักษาไว้ซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางวัฒนธรรมและปราศจากผู้โต้แย้งหรือท้าทาย (โรเบิร์ต เอช.เทย์เลอร์,พรรณงาม เง่าธรรมสาร แปล,รัฐในพม่า,กรุงเทพฯ: มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย,2550,หน้า 22)

กษัตริย์ราชวงศ์พกาม

 

              หม่องทินอ่องได้ระบุรายนามของกษัตริย์ในราชวงศ์พุกามไว้ดังนี้ (หม่องทินอ่ง,หน้า 345)
              1.พระเจ้าอนุรุท  ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1587 - 1620 
              2.พระเจ้าสอลู (Sawlu) หรือ มังลูลาน (Man Lulan) ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1620 - 1627 
              3. พระเจ้าครรชิต ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1627 – 1655 
              4.พระเจ้าอลองสิธู  ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1655 - พ.ศ. 1710 
              5.พระเจ้านรสุ  ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1710 - 1713 
              6.พระเจ้านรสิงห์ ครองราชย์ระหว่างปี  พ.ศ. 1713 - 1716 
              7.พระเจ้านรปติสิทธุ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1716 - 1753 
              8.พระเจ้านะดวงมยา ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1753 - 1777 
              9.พระเจ้ากยัสสวาร  ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1777 - 1793 
              10.พระเจ้าอุชานะ  ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1793 - 1797
              11.พระเจ้านรสีหบดี ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.1797-1830
              12.พระเจ้ากยอชวา ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.1830-1841
              13.พระเจ้าสอนิท ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.1841-1855

 

                ประวัติศาสตร์แม้จะเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่บางช่วงในปัจจุบันกลับมีส่วนคล้ายคลึงกับยุคสมัยในอดีต พม่านั้นมีเมืองหลวงมากมาย ผลัดเปลี่ยนกันเรืองอำนาจและล่มสลายไปเริ่มจากเมืองพุกาม(พ.ศ.1587-1855) เมืองปินยา (1855-1907) เมืองสะกาย(1858-1907)เมืองอังวะ(1907-2098)เมืองหงสาวดีมอญ(1830-2082)หงสาวดีพม่า (2082-2300)ตองอู(2029-2296)ชเวโบ (2295-2306) อังวะ(2306-2326) อมรปุระ (2326-2402)มัณฑะเลย์(2402-2428) พม่าเสียเอกราชให้กับอังกฤษและการปกครองด้วยกษัตริย์ก็สิ้นสุดลงในรัชสมัยของพระเจ้าสีบอ จากนั้นจึงย้ายเมืองหลวงมาที่ย่างกุ้ง ปัจจุบันย้ายเมืองหลวงใหม่ไปที่กรุงเนปิดอ เรื่องปีพุทธศักราชถือตามหนังสือประวัติศาสตร์พม่าของหม่องทินอ่อง 

               ยุคแห่งความรุ่งเรืองและความเสื่อมถอยย่อมแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา พม่าเคยมีกษัตริย์ปกครอง แต่ปัจจุบันปกครองด้วยทหาร ในขณะที่ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบกษัตริย์มาโดยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่เมียนมาร์ยังคงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้ได้นั่นความความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทุกวันเรายังคงเห็นชายชาวเมียนมาร์นุ่งโสร่ง สุภาพสตรีนุ่งผ้าถุงไปวัดกันแทบทุกแห่งโดยเฉพาะที่เจดีย์ชเวดากองอันเปรียบเสมือนศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณของพุทธศาสนิกชนชาวเมียนมาร์

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
เรียบเรียง
พิมพ์เผยแผ่ที่ www.mbu.ac.th เมื่อ 20/03/52
แก้ไขปรับปรุงใหม่ 16/02/53

บรรณานุกรม

ไพโรจน์ โพธิ์ไทร,ภูมิหลังของพม่า,กรุงเทพฯ:โอเดียนร์สโตร์,2518.
โรเบิร์ต เอช.เทย์เลอร์,พรรณงาม เง่าธรรมสาร แปล,รัฐในพม่า,กรุงเทพฯ: มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย,2550.
ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล,ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง(พิมพ์ครั้งที่ 5),กรุงเทพฯ:มติชน,2549.
หม่องทินอ่อง(เพ็ชรี สุมิตร แปล ,ประวัติศาสตร์พม่า,กรุงเทพฯ:มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย,2551.
หลวงวิจิตวาท,ฟากฟ้าสาละวิน,กรุงเทพฯ:สร้างสรรค์บุ๊ค,2493.
อาทร จันทรวิมล,ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย,กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2548.
Paul Strachan,Pagan,Scotland:Kiscadale,1990.

  

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก