ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

ปัญจศีลาหลักการสำคัญของชาติ

         ชาวอินโดนีเซียมีอิสระในการนับถือศาสนาไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือฮินดู พุทธหรือคริสต์ขอเพียงให้มีความยึดมั่นในหลักปัยจศีลาซึ่งมีเป้าหมายเพื่อความกลมเกลียวของชาติเท่านั้น(อินโดนีเซีย หน้า 69)
  คำว่า “ปัญจศีลา” หลายคนคงคิดถึง “เบญจศีลหรือศีลห้าในพระพุทธศาสนา” แต่ปัญจศีลาของประเทศอินโดนีเซียมีความหมายพิเศษ ดังที่เอลซา ไซนุดิน อธิบายความความเป็นมาและความหมายของปัญจศีลาไว้ว่า “วันที่ 17สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 10 นาฬิกา ซูการ์โนได้อ่านประกาศอิสรภาพสั้นๆว่า “เราประชาชนอินโดนีเซีย ขอประกาศเอกราชของประเทศอินโดนีเซีย ณ บัดนี้ เรื่องเกี่ยวกับการโอนอำนาจและเรื่องอื่นๆจะจัดการไปเป็นลำดับและให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้” ในนามของประชาชนอินโดนีเซีย ซูการ์โนและฮัตตา(ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,หน้า  329)
         ประธานาธิบดีซูการ์โนเคยกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญครั้ังหนึ่งว่า“อย่าคิดฝันว่าการคงอยู่ของประเทศอินโดนีเซียเสรีจะทำให้การต่อสู้ของเราจบสิ้นลง มิใช่เช่นนั้น ข้าพเจ้ากล่าวแม้แต่ว่า ภายในประเทศอินโดนีเซียเสรีนั้น การต่อสู้ของเรายังคงต้องดำเนินต่อไป เพียงแต่จะมีลักษณะภาวะแปลกไปกว่าการต่อสู้ในปัจจุบัน ลักษณะพิเศษของการต่อสู้จะผิดไปในฐานะที่เราเป็นประชาชนที่รวมกัน เราจะดำเนินการต่อสู้ของเราเพื่อให้บรรลุถึงความคิดของเราที่มีอยู่ในปัญจสีลา” ซูการ์โน “กำเนิดของปัญจสีลา” วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1945 (สุนทรพจน์ที่กล่าวแก่องค์ตการตรวจสอบเพื่อการตระเตรียมเอกราช) (ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,หน้า 353)

        ประธานาธิบดีซูการ์โนเคยกล่าวถึงการรวบรวมกฎบัญญัติห้าข้อนี้ของเขาว่า “ข้าพเจ้าไม่รู้สึกว่าข้าพเจ้าเป็นผู้สร้างปัญจสีลา ไม่รู้สึกว่าเป็นผู้ก่อตั้งปัญจสีลา ข้าพเจ้าเพียงแต่นำความรู้สึกที่มีอยู่ในหมู่ประชาชนมาเขียนเป็นถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าเรียกว่า “ปัญจสีลา” ข้าพเจ้าเพียงแต่รวบรวมกันเข้าเพราะความรู้สึกทั้งห้านี้ได้มีอยู่มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แม้แต่อาจเป็นถึงหลายร้อยปีในส่วนลึกของหัวใจของเรา” (ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,หน้า 357)
         หนังสืออินโดนีเซียได้อธิบายหลักปัญจศีลาไว้ว่า  “ปัญจศีลา หลักห้าประการของปรัชญาแห่งรัฐอินโดนีเซีย ชาวอินโดนีเซียมีอิสระในการนับถือศาสนาไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือฮินดืพุทธหรือคริสต์ ขอเพียงให้ยึดมั่นในหลักปัญจสีลาซึ่งมีเป้าหมายเพื่อความกลมเกลียวของชาติเท่านั้น แม้อินโดนีเซียจะมีคนมุสลิมมกาที่สุดในโลกหรือร้อยละ 90 ของประเทศ แต่ก็ไม่เคยประกาศเป็นรัฐอิสลาม ส่วนที่เหลือเป็นคริสเตียนนิกายโปเตสแตนต์ หรือพุทธ ชาวคริสต์ในอินโดนีเซียแม้จะมีปริมาณน้อยแต่ก็มีบทบาทในวงการทหารและการเมือง ทำนองเดียวกับพุทธซึ่งมีบทบาทในภาคเศรษฐกิจ(มัลลิกา  พงศ์ปริตร,ศิริพร โตกทองคำ, อินโดนีเซีย,สำนักพิมพ์หน้าต่างสู่โลกกว้าง,2549หน้า,59)
         หลักการข้อแรกคือหลักของลัทธิชาตินิยมรัฐแห่งชาติอินโดนีเซียที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ซูการ์โนได้ย้อนกลับไปที่อาณาจักรโบราณคืออาณาจักรมัชปาหิตและอาณาจักรศรีวิชัย โดยอ้างว่า “หากประชาชนของเราทั้งหมดคือประชาชนอินโดนีเซียพร้อมที่จะตายเพื่อป้องกันประเทศของเราคือประเทศอินโดนีเซีย แม้เพียงแต่ใช้หลาวไม้ไผ่ ในเวลานั้นประชาชนอินโดนีเซียก็พร้อมที่จะเป็นเอกราช” ลัทธิชาตินิยมนี้จะต้องไม่พัฒนาให้เป็น ความบ้ารักชาติ (ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย 357)

         หลักการข้อที่ 2 ลัทธิชาตินิยมนานาชาติหรือหลักของมนุษยธรรม  ระบอบการระหว่างประเทศมิอาจรุ่งเรืองขึ้นได้  หากมิได้เกิดขึ้นในแผ่นดินนานาชาติ ลัทธิชาตินิยมมิอาจเติบโตขึ้นได้ หากมิได้โตขึ้นในสวนดอกไม้ของระบอบการระหว่างประเทศ
         หลักการข้อที่ 3 ความเห็นพ้องต้องกันหมด การแสดงออกแทนกัน การตรึกตรองในหมู่ผู้แทนหรืออำนาจของประชาชนและโต้แย้งว่าองค์การผู้แทนของประชาชนกลุ่มอิสลามควรแสดงออกซึ่งข้อเรียกร้องของศาสนาอิสลาม เขานำหลักข้อที่สามนี้ไปเชื่อมกับหลักข้อที่สี่คือ
         หลักการข้อที่ 4 ความยุติธรรมในสังคม โดยอ้างว่าลัทธิการเมืองที่เท่าเทียมกันจะไร้ค่า หากปราศจากความเท่าเทียมกันในด้านเศรษฐกิจด้วย ความเป็นอยู่ของสังคมจะต้องควบคู่กันไปกับความยุติธรรมทางการเมือง
         หลักการข้อที่ 5 ให้สร้างอินโดนีเซีย เมอร์เดกา ด้วยความกลัวพระเจ้าแต่องค์เดียวคือพระเจ้าสูงสุดเชื่อในพระเจ้าด้วยความเคารพซึ่งกันและกันร่วมกัน”สภาวะที่ทุกคนสามารถนับถือพระเจ้าของพวกเขาดังเช่นเขาต้องการให้ปราศจากความเห้นแก่ตัวในเรื่องศาสนา เมื่อต่อมากลุ่มชนที่นับถือศาสนาอิสลามอ้างว่าซูการ์โนมิได้เข้าถึงจิตใจและเอกลักษณ์ของชาติอินโดนีเซียได้ซาบซึ้งพอ เพราะถ้าเขาได้กระทำดังนั้นแล้ว เขาจะพบศาสนาอิสลามแทนที่จะเป็นปัญจสีลา เขาอ้างว่าแม้ว่าตัวเขาเป็นมุสลิม “การแสวงหาของข้าพเจ้ากลับไปสู่สมัยก่อนศาสนาอิสลามมีอยู่ ข้าพเจ้าค้นหาไปถึงสมัยฮินดูและก่อนฮินดู”

         หลักการทั้งห้าข้อ(ปัญจสีลา) นั้นเป็นที่ยอมรับกันในหมู่ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ว่าเป็นพื้นฐานของรัฐและรวมเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องหมายแห่งชาติ สิ่งนี้เป็นเรื่องสมัยใหม่ของนิยายพญาครุฑที่เกี่ยวข้องกับนกอินทรีและนกฟินิกซ์ (นกในนิยายโบราณ เชื่อว่าเมื่อนกนี้มีอายุได้ห้าหรือหกร้อยปีก็เผาตัวเองและเป็นหนุ่มใหม่) ม้าของโอรสพระกฤษณะในเรื่องหนังตะลุงที่สามารถกล่าวสุนทรพจน์แบบมนุษย์ได้ ตราการูดาในตราตระกูลอินโดนีเซียสมัยใหม่มีปีกข้างละ 17 แฉก และมีหางแผ่เป็น 8 แฉก เป็นสัญลักษณ์ของวันประกาศเอกราชของอินโดนีเซีย” (ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย 358)

         คำขวัญของประเทศอินโดนีเซียคือ “เอกภาพบนความแตกต่าง” โดยมีหลักปัญจศีลเป็นแนวทางในการอยู่ร่วม พระพุทธศาสนาเถรวาทจะดำรงอยู่ในในสังคมที่มีความแตกต่างนี้ได้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต
         นับจากนี้ไปชาวโลกต้องคอยจับตาดูว่าพระสงฆ์ในอินโดนีเซียจะสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคงในอินโดนีเซียได้หรือไม่ สิ่งที่เคยสูญหายไปหลายร้อยปีกำลังจะได้รับการฟื้นฟูให้คืนกลับขึ้นมาอีกครั้ง ชาวพุทธจากทั่วโลกเดินทางไปนมัสการมหาเจดีย์บูโรบูดูร์หรือบรมพุทโธต่างก็ตกตะลึงในความมหัศจรรย์ของเจดีย์แห่งนี้ แต่แม้จะสร้างโบราณสถานมีขนาดใหญ่โตมโหฬารขนาดไหนก็ตาม หากชาวพุทธไม่สร้างศาสนทายาทไว้ก็ยากที่จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
16/05/53

อ้างอิง

ศิริพร โตกทองคำ,อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สู่โลกกว้าง,2549.
ศุภลักษณ์ สนธิชัย,อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์อทิตตา,2549.
เอลซา ไชนุดิน(เพ็ชรี  สุมิตร แปล),ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย,กรุงเทพฯ: มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย,2552.
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งที่ทรงสมณศักดิ์ที่ พระศาสนโศภณ,พระศาสนกิจในต่างประเทศ” พิมพ์เผยแพร่ใน “อนุสรณ์การบำเพ็ญกุศลอัฏฐิถวายพระราชวราจารย์ (วิญญ์  วิชาโน) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศซิหาร และ หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินโดนีเซีย (27-28 กันยายน 2549) 
สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยสมัยที่ 21,ศาสนศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ 33,ศักดิโสภาการพิมพ์,2530.

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก